ปรากฏการณ์ “พล.อ.อภิรัชต์” ลาออก แรงกระเพื่อมบนสมการอำนาจใหม่

8 มี.ค. 2567 - 04:19

  • ข่าวลือสะพัด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงศ์ มีปัญหาด้านสุขภาพต้องลาออกจากตำแหน่งสำคัญในวัง

  • สว. บางกลุ่มคิดจะใช้ประโยชน์จากข่าวลือ รักษาอำนาจต่อ ขออยู่ยาว

  • หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก การเมืองไทยตกอยู่ในสุญญากาศทางอำนาจ

  • การจัดสมการอำนาจใหม่อาจกลับสู่การควบคุมแกนอำนาจเดิม

phenomenon_general_apirat_kongsompong_SPACEBAR_Hero_0654c9a4b9.jpg

สถานการณ์การเมืองกระเพื่อมหนัก หลังกระแสข่าวลือสะพัดว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงศ์ มีปัญหาด้านสุขภาพ จนอาจกราบบังคมทูล เพื่อขอพระบรมราชานุญาตลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง และรองผู้อำนวยการสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

แม้จนบัดนี้ยังไม่มีการยืนยันข่าวอย่างป็นทางการ แต่แรงกระเพื่อมของข่าวชิ้นนี้ ก็แผ่กระจายเป็นวงกว้าง และส่งผลกระทบอย่างรุนแรง

ปัญหาสุขภาพของพล.อ.อภิรัชต์ ถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า รุนแรงขนาดไหน ถึงขั้นต้องลาออกหรือไม่

เพราะการลาออกจากตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ ต้องมีเหตุ มีผล และมีน้ำหนักเพียงพอ

แต่ละกระแสก็ตั้งประเด็นอาการป่วยของพล.อ.อภิรัชต์ ไปคนละทาง สองทาง

บ้างก็ยืนยันจากวงในว่า “ป่วยหนัก”

บ้างก็ยืนยันจากวงในกว่าว่า “มีปัญหาสุขภาพเล็กน้อย”

แต่เรื่องนี้วงในจริงๆ จะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ และคนที่รู้ส่วนใหญ่เป็นพวกปากหนัก เป็นคนในที่พล.อ.อภิรัชต์คัดสรรแล้วว่า ไว้ใจได้จริงๆ เท่านั้น

phenomenon_general_apirat_kongsompong_SPACEBAR_Photo01_e2a4e26ef2.jpg
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ฉะนั้นโปรดฟังอีกครั้ง...ว่าต้องรอจนกว่าจะมีเอกสารยืนยันการลาออก หรือเอกสารการยืนยันด้านสุขภาพ ข่าวลือทั้งหมดถึงจะแปรสภาพเป็นข่าวจริง

เพียงแต่จะจริงด้านไหน ลาออก หรือไม่ลาออก

ลาออกเพื่ออะไร ปัญหาสุขภาพที่ต้องการพักผ่อน หรือซ่อมสุขภาพ เพื่อรับงานใหญ่

แต่กระนั้น แม้จะยังไม่ชัดเจนถึงความจริงเรื่องการลาออก แต่วันนี้กระแสข่าวลือเรื่องพล.อ.อภิรัชต์ ก็กระเพื่อมอย่างหนัก และกระเพื่อมเป็นวงกว้าง

กระเพื่อมไปไกลถึงแวดวงการเมืองในทุกระดับ

กระเพื่อมหนักถึงขั้นคิดถึงสมการอำนาจใหม่ และกระเพื่อมไปถึงกระบวนการทางการเมืองที่พยายามรักษาแกนอำนาจ

โดยเฉพาะกระเพื่อมไปถึงวุฒิสมาชิก กลุ่มก้อนอำนาจที่กำลังหมดวาระในเดือนพฤษภาคม และกำลังจะมีการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาใหม่ เพื่อให้แล้วเสร็จและมี สว_._ชุดใหม่ได้ในเดือนกรกฏาคม 2567

มีข่าวว่า สว_._บางกลุ่มกำลังคิดการใหญ่ในเกมรักษาอำนาจ เพื่อดึงเกมการสรรหาให้ถ่างออกไป เพื่อให้การทำงานในรัฐสภา ยังคงดำเนินการต่อไปได้ภายใต้ สว_._กลุ่มเดิม

คนกลุ่มนี้พยายามใช้ประโยชน์จากข่าวลือของ พล.อ.อภิรัชต์ เพื่อสร้างสมการอำนาจใหม่ หลังเกิดสุญญากาศทางอำนาจ หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรี

phenomenon_general_apirat_kongsompong_SPACEBAR_Photo03_eba54bef53.jpeg
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนากองทัพภาคที่ 1 ครบรอบ 114 ปี 12 มกราคม 2567

เพราะอย่าลืมว่า 9 ปีเศษของการดำรงตำแหน่ง ทั้งในฐานะหัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี เป็น 9 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ

เป็น 9 ปีที่ศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะแม้แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังเป็นผู้ที่ถืออำนาจเบ็ดเสร็จ

ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ถอยออกจากอำนาจ และทันทีที่เข้ารับตำแหน่งองคมนตรี การเมืองก็ตกอยู่ในภาวะสุญญากาศทางอำนาจทันที

เกือบ 8 เดือนของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ภายใต้การบริหารงานรัฐบาลผสม ภายใต้การบริหารแบบการเมืองเต็มตัว

มีคำถามว่า นายเศรษฐามีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่

141 เสียงของพรรคเพื่อไทยในรัฐสภา

17 รัฐมนตรี กับ 20 ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี

เบ็ดเสร็จและเด็ดขาดเมื่อเทียบกับ 265 เสียงพรรคเพื่อไทยยุค ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ 233 เสียงพรรคพลังประชาชนในยุค สมัคร สุนทรเวช หรือไม่

ความจริงคือ “ไม่”

141 เสียงของพรรคเพื่อไทย และ 17 รัฐมนตรีของรัฐบาลนายเศรษฐา ถูกมองว่า เป็นเพียงรัฐบาลตัวแทน ไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัวจริง

phenomenon_general_apirat_kongsompong_SPACEBAR_Photo02_99481b3d45.jpeg
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งรถประจำตำแหน่ง เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าพบ ‘ทักษิณ’ 24 กุมภาพันธ์ 2567

รัฐบาลผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ   และประชาชาติ ผสมกันแบบหลวมๆ ต่างคนต่างมีพื้นที่ในการบริหาร แต่ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร

ไม่มีใครมีอำนาจและบารมีพอ ที่จะควบรวมการตัดสินใจบางอย่างจากพรรคร่วมเข้ามาตัดสินใจแทน

ขณะที่แกนอำนาจนอกสภา เมื่อไร้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไร้ซึ่งคนที่จะสั่งการ และประสานอำนาจที่เคยเป็นแกนอำนาจของประเทศ 

การโหวต ป.ป.ช.รอบที่ผ่านมาสะท้อนชัดถึงสุญญากาศทางอำนาจที่ชัดเจน เมื่อ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ผ่านความเห็นชอบของ สว. ขณะที่นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง กลับผ่านฉลุย ทั้งที่รอบคณะกรรมการสรรหา นายภัทรศักดิ์ผ่านมาแบบหวุดหวิด โดยต้องโหวตกันถึง 3 รอบ

เกือบ 8 เดือนที่ไร้เงา พล.อ.ประยุทธ์ ในสมการอำนาจ

เกือบ 8 เดือนของรัฐบาลนายเศรษฐา จึงเป็นเกือบ 8 เดือนของสุญญากาศทางการเมือง

ทั้งหมดจึงไม่แปลกที่เมื่อมีข่าวลือที่เกี่ยวเนื่องกับสถานะของพล.อ.อภิรัชต์

ข่าวลือว่า พล.อ.อภิรัชต์อาจจะลาออก

เข็มทิศแห่งความเชื่อจึงเบนเข็มไปสู่ทิศทางของการออกมาสร้างสมการอำนาจใหม่ ไปสู่ทิศทางของการออกมาควบคุมแกนอำนาจ

จนเกิดเป็นความเชื่อที่สร้างแรงกระเพื่อมแรง แรงแบบคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะกระเพื่อมขึ้นเป็นสึนามิลูกเล็กๆ  เพราะเป็นความเชื่อที่กลุ่มแกนอำนาจหลายกลุ่มอยากให้เป็นจริง

จับตา จับจ้อง รอคอย อย่ากระพริบตา เพราะสถานการณ์การเมืองร้อนๆ ในเดือนเมษาฯ อาจร้อนเกินอุณหภูมิของจริงที่กำลังแผดเผาอยู่ตอนนี้

จับตาการสรรหา สว.รอบนี้ จะจบที่เดือนกรกฏาคมตามไทม์ไลน์ที่ ก.ก.ต.แถลงก่อนหน้านี้หรือไม่

หรือ สว.ชุดนี้ เขาจะรักษาการกันยาวๆ ยาวปาย ยาวปาย แบบที่ตั้งหรือไม่

สุญญากาศทางอำนาจในเวลานี้จะป่วน และคุกรุ่นขนาดไหน

ต้องรอคอยกันแบบระทึกในฤทัยพลันเชียวล่ะ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์