หลังคนในแวดวงการเมืองสามคน ซึ่งมีทั้งสื่อใหญ่ สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และ ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดง
ทั้งสามคนออกมาพูดถึงความเคลื่อนไหวการเมืองในห้วงเวลาที่ไล่เรี่ยกัน โดยเฉพาะสองคนหลัง ‘ไพบูลย์-จตุพร’ ที่ถึงกับระบุวันกันเลยทีเดียวว่า จะมีคำตอบชัดเจนเรื่องที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเดือนตุลาคมนี้
โดยตู่-จตุพร ที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นนักวิเคราะห์ ในนามวิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์แบบรายวัน ซึ่งผิดบ้าง ถูกบ้าง เสี้ยมบ้างตามประสา แต่ตอนหลังค่อนไปทางไม่แม่นเสียเป็นส่วนใหญ่
จตุพร นัดหมายมวลหมู่มิตรสหายและแฟนคลับ มาพบปะกันในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี เพื่อร่วมเสวนา ‘อดีต อนาคต การเมืองไทย’ พร้อมกับเชิญชวนร่วมรับประทานอาหารฉลองวันเกิด 59 ปีของตัวเองไปด้วย
‘ขอเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงานด้วย เพราะคณะหลอมรวมประชาชนจะได้พูดคุยถึงก้าวย่างถัดจากนี้ไปว่า จะทำอะไรบ้าง จะออกแบบการเดินกันอย่างไร ซึ่ง 5ตุลาคมนี้จะมีคำตอบเพื่อเป็นทางออกของประชาชนและประเทศทั้งในกรณีบ่อนคาสิโน แลนด์บริดจ์กลบซ่อนให้ทุนต่างชาติฮุบที่ดิน 3 แสนไร่ 99 ปี ดังนั้น การเคลื่อนไหวจึงไม่ใช่มิติของการประหัตประหารกันทางการเมืองเพียงอย่างเดียว’
จตุพร เชื่อว่า ในวันดังกล่าวประชาชนจะได้คำตอบก้าวย่างการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้น และที่สำคัญจะได้รู้ว่า ‘เราจะทำอะไรกันดี’
ด้านไพบูลย์ ซามูไรกฎหมาย เดี่ยวมือหนึ่งของพลังประชารัฐ ออกมาดับเครื่องชน ‘เด็จพี่’ พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่จ้องทำลายห้องเครื่องพลังประชารัฐ ด้วยการร้องสอบปมจริยธรรม ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ชนิดกัดไม่ปล่อย
ก่อนหน้านี้ ไพบูลย์ ตระเวนเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อ พร้อมเปิดแถลงข่าวในวันอังคารที่ผ่านมา ให้สื่อไปติดตามตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้พรรคที่ ‘พร้อมพงศ์’ สังกัดอยู่ มีปัญหาอย่างรุนแรง ส่วนข้อเท็จจริงจะถึงบทจบหรือไม่ ตนเองไม่รู้ แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก
ไพบูลย์ ย้ำว่า เป็นเรื่องที่ทราบมาจากแหล่งข่าวที่เชื่อได้ว่า จะเกิดจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่มากของพรรคที่พร้อมพงศ์สังกัดอยู่ ซึ่งอาจไปถึงบทจบของพรรคนี้ และกระทบกับสถานะรัฐบาลอย่างแน่นอน
‘ผมรู้ข่าวมาก็เลยมาบอก แหล่งข่าวก็เชื่อถือได้ ดังนั้น จึงอยากให้แกนนำพรรคเตรียมรับแรงกระแทกไว้ให้ดี เพราะจะมีผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถ้ารับมือไม่ดีก็อาจจะถึงขั้นล่มสลาย’
นอกจาก ไพบูลย์ จะไม่ยอมเฉลยคำตอบให้กับสื่อแล้ว ยังขยายกรอบเวลากว้างออกไปอีกว่า ถ้าไม่ใช่วันที่ 10 ก็อาจจะเป็นวันที่ 11 หรือ 12 ตุลาคมนี้ พร้อมกับแย้มว่า ‘ไม่ใช่เรื่องเดิม’
สำหรับกรณีของไพบูลย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหม่ถอดด้ามขนาดไหน แต่คนที่ติดตามการเมืองให้น้ำหนักไปที่ การยื่นร้องเอาผิด สส.เพื่อไทย กว่า 100 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 6 ประเด็น ในวันก่อน ที่อาจเข้าข่ายความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
ไม่ต่างกับ 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่ยื่นแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เมื่อครั้งก่อนโน้น
โดยหากเป็นประเด็นนี้จริง ก็ต้องไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ซึ่งต้องผ่านกระบวนการ ขั้นตอนต่าง ๆ อีกนาน กว่าจะชี้มูลความผิดและส่งให้ศาลฎีกาดำเนินการ ดังนั้น ผิดถูกอย่างไรคงยังไม่มีคำตอบออกมาในเร็ววันนี้
สุดท้ายการประกาศ 3 ภารกิจ ผ่านเวที ‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว’ ของสื่อใหญ่ สนธิ ลิ้มทองกุล ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ 1.ทวงถามถึงคนที่ลอบยิงตัวเองในปี 2552 ซึ่งผ่านมาสิบกว่าปีแล้วยังจับไม่ได้ 2.ให้รัฐบาลแก้ปัญหาพม่าอพยพเข้ามาอยู่เมืองไทยโดยไม่ถูกกฎหมาย 3.ให้เวลารัฐบาลไปถึงไตรมาสแรกปีหน้า ถ้ามีปัญหาทุจริต เตรียมลงถนนครั้งสุดท้ายในชีวิต
ด้านหนึ่ง มองเป็นการขีดเส้นให้เวลารัฐบาลอิ๊งค์ 1 ไปถึงต้นปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าในอีกด้าน ย่อมเป็นการเปิดพื้นที่ให้ทำงานพิสูจน์ฝีมือได้ถึงครึ่งปีนับจากนี้ไป และเมื่อครบกำหนดแล้ว ถ้ามีปัญหาทุจริตเกิดขึ้น
ถึงวันนั้น ชาวพาราม็อบสีเหลืองจะกลับมาลงถนนกันอีกครั้ง!!
ในระหว่างนี้จะมีใครกลุ่มไหน ชวนกัน นัดกันวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันใดก็ตาม ก็ให้ว่ากันไปตามสะดวก ส่วนชาวพลพรรคสีเหลืองที่มีหัวใจเดียวกัน ไว้รอเคลื่อนทัพใหญ่ไปพร้อมกันตามเวลานัดหมายต้นปีหน้า
ถ้ารัฐบาลอิ๊งค์ 1 ยังขยับสร้างผลงานไม่ออก หรือมีปัญหาทุจริตเกิดขึ้น ก็เท่ากับหมดเวลาฮันนีมูน
เมื่ออดีตแกนนำม็อบระดับเบอร์ใหญ่ สื่อสารออกมาชัดเจนแบบนี้ จึงไม่แปลกที่นายกฯ อิ๊งค์ ก่อนบินไปประชุมที่โดฮา ถึงได้ตอบคำถามสื่อด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย เพราะอย่างน้อยก็มีเวลาทำงานพิสูจน์ตัวเองไปถึงต้นปีหน้าได้สบาย ๆ
ในขณะที่สภาจะปิดสมัยประชุมปีที่ 2/1 ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ และกลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงปลายปีกำลังจะเข้าสู่บรรยากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่พอดี การเมืองในระหว่างนั้น ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล ค่อยกลับมาว่ากันเต็ม ๆ อีกครั้งหลังปีใหม่ไปแล้ว
นี่ลากปฏิทินการเมืองยาวข้ามไปถึงปีหน้าแล้ว ดังนั้น ตลอดทั้งเดือนตุลาคมไม่ว่าจะเป็นวัน 5 หรือ 10-11-12 ตุลาคม หรือวันไหน ๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดให้ขัดเคืองรัฐบาลได้
เอาเป็นว่า ในช่วงระหว่างนี้พรรคร่วมรัฐบาล จะรวมฝ่ายค้าน ‘พรรคสีส้ม’ ไปด้วยก็ได้ เพราะมีหัวอกเดียวกับรัฐบาลอยู่แล้ว ก็มานั่งล้อมวงคุยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเรื่องออกb แบบปรับทุกข์ผูกมิตรกันไป
เมื่อไม่มีใครเป็นพิษเป็นภัยให้ใคร แล้วจะมีอะไรมาเป็นเงื่อนไขให้เกิดปัญหาใดขึ้นในเดือนนี้ได้ และหากมีเพียงเท่าที่เห็น การเมืองเดือนตุลาก็ไร้ปัญหา
ตราบใดที่ยังมีความชอบธรรม ประชาชนให้การยอมรับก็ยังอยู่ไกันปได้
ส่วนวันข้างหน้าหากเงื่อนไขสุกงอม จากประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมา ประชาชนก็จะพร้อมใจกันออกมาเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมานัด!!
