คงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ‘ทักษิณ ชินวัตร’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘โทนี่ วู้ดซั่ม’ ในคลับเฮ้าส์เมื่อหลายปีก่อน จะได้รับการปล่อยตัวภายใต้เงื่อนไขการพักโทษ ไปคุมขังนอกเรือนจำในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ หลังรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 ตามเกณฑ์ของราชทัณฑ์
บ้านจันทร์ส่องหล้า ถ.จรัญสนิทวงศ์ ย่านบางพลัด คือสถานที่ถูกจัดเตรียมไว้รองรับการกลับคืนสู่อ้อมกอดคนในครอบครัวของลุงโทนี่ ตามที่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ บุตรสาวได้สื่อสารไว้ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
นับจากวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป บ้านจันทร์ส่องหล้า ที่เป็นอีกตำนานหนึ่งของคนการเมือง จะกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง เพราะถนนทุกสายจะมุ่งหน้าไปที่นั่น และจะเป็นศูนย์อำนาจแห่งใหม่ ที่การตัดสินใจทุกอย่างจะออกมาจากตรงนั้น
ที่ผ่านมาคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ข้ามขั้วชุดนี้ขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นดีลลับฮ่องกง ข่าวลือจากเกาะลังกาวี หรือชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ผู้มีอำนาจตัวจริงก็คือคนชื่อทักษิณ ชินวัตร
ดังนั้น การพักโทษของทักษิณ แม้จะยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ตามระเบียบราชทัณฑ์ และกว่าจะครบกำหนดพ้นโทษจริง ต้องรอไปถึงเดือนสิงหาคมโน่น แต่ก็ไม่มีข้อห้าม ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่ง สิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายบริหาร ได้แถลงเรื่องการพักโทษไว้ตอนหนึ่งในวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมาว่า
‘เมื่อพักโทษจะประกอบอาชีพอะไร และจะต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติอย่างไรบ้าง หรือกำหนดอาณาเขตว่าห้ามพ้นรัศมีเท่าใด หรือห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ส่วนบทบาททางการเมือง ในระหว่างการพักโทษ สามารถกระทำได้ หากไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือไปทำอะไรที่ผิดระเบียบ’
เท่ากับเป็นการเปิดทางโล่ง ให้ทักษิณเข้ามามีบทบาททางการเมืองได้ในหลายสถานะ ทั้งการให้คำปรึกษา การลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดต่างๆ ซึ่งอย่างหลังนี้เจ้าตัวได้ประกาศล่วงหน้าไว้นานแล้ว
นอกจากนั้น ไปดูท้ายพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2566 มีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า
‘เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชนสืบไป’
การปรับ ครม.เศรษฐา 1 จึงน่าจะเกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกหลังการพักโทษของทักษิณ ซึ่งเริ่มมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาบ้างแล้วว่า เวลาดีจะเป็นในช่วงเดือนเมษายน ที่รัฐบาลชุดนี้ผ่านการทำงานมาได้ครึ่งปีพอดี ตามเกณฑ์เก้าอี้ดนตรีหรือสมบัติผลัดกันชม ซึ่งเป็นสไตล์การเมืองในแบบฉบับของเพื่อไทยเป๊ะเลย
และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นความเคลื่อนไหวการเมืองที่เป็นสัญญาณของการปรับ ครม.เกิดขึ้นอย่างน้อยสองจุด โดยจุดแรกเกิดขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ ที่พรรคพลังประชารัฐ เมื่อ ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ แต่งตัวมาในชุดกางเกงสีชมพู เสื้อลาย สีหวานแหวว
พร้อมกับประกาศให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย!!
เมื่อถูกถามถึงคำว่า อนุรักษ์ที่ทันสมัย หมายความว่าอย่างไร พล.อ.ประวิตร ได้ย้อนถามกลับทันควันว่า
‘สื่อไม่รู้หรือว่าทันสมัยอย่างไร แล้วผมทันสมัยหรือไม่’
ไม่ว่าการแต่งตัวของลุงป้อม จะเป็นการปรับลุกให้สอดรับกับความเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัยของพลังประชารัฐ หรือใช้สีสันเสื้อผ้าเป็นสื่อนำ สร้างความกลมกลืนกับนายกฯ ถุงเท้าแดงไว้ก่อนก็ตาม แต่ในทางข่าวบอกว่า ลุงป้อม กำลังจะรีเทิร์น ขอกลับมานั่งเก้าอี้รองนายกฯ อีกรอบ
ไม่ใช่ปรับโฉมลุ้นเก้าอี้นายกฯ อย่างที่พูดถึงกัน รอแค่ให้ผู้มีอำนาจตัวจริงเซย์เยสเท่านั้น
ส่วนอีกจุด ช่วงปลายสัปดาห์ความคึกคักที่บ้านราชวิถี ในวันเกิด 69 ปีของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล้า ที่แม้จะมี สส.เพียง 3 เสียง แต่คนในรัฐบาลกลับให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ทั้งนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน รองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัยและแม้แต่ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็มาร่วมอวยพรกันพร้อมหน้า
ทำให้คนการเมืองมองกันว่า การปรับครม.ที่จะมีขึ้นไม่ว่าช้าหรือเร็ว น่าจะมีเก้าอี้ใหญ่ให้กับคนชื่อ
‘สุวัจน์’ ซึ่งไม่ใช่เพราะตัวเลข 3 สส.ของชาติพัฒนากล้า แต่ด้วยเหตุผลอื่น ที่อย่างน้อยก็เป็นการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับรัฐบาลเศรษฐา 2 ที่เอามืออาชีพเข้ามาเสริมทีม อย่างน้อยก็ได้สร้างความรู้สึกใหม่ๆ หนีความจำเจในช่วงครึ่งปีแรกของรัฐบาลที่ผลิตผลงานไม่ออก
รอดูการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หลังผู้มีอำนาจตัวจริงได้รับการพักโทษ 18 กุมภาพันธ์นี้