การเมือง ในสภา-นอกสภาอ่อนแรง?!

17 ก.ย. 2567 - 03:01

  • รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เริ่มต้นทำงานอย่างเป็นทางการ

  • แรงกดดันทางการเมืองทั้งในและนอกสภาอ่อนแรง

  • ถ้าจะผิดพลาดก็น่าจะมาจากสะดุดขาตัวเอง

politics-economic-business-government-primeminister-SPACEBAR-Hero.png

วันนี้ครม.ชุดใหม่ ประเดิมการประชุมนัดแรก หลังผ่านพิธีกรรมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญไปแล้ว ต่อจากนี้ไม่มีเส้นแบ่งหรือกำแพงใด ๆ มาเป็นอุปสรรคหรือข้อจำกัด ให้รัฐบาลนำไปอ้างได้อีกว่า ยังไม่มีอำนาจสั่งการ

แม้จะเป็นนายกฯ มือใหม่ ก็ไม่มีช่วงเวลาสำหรับให้ทดลองงาน เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมืองที่ต้องใช้มืออาชีพ ไม่ใช่เวทีที่จะให้ใครมาฝึกงาน ยิ่งบ้านเมืองมีปัญหาใหญ่ ๆ รออยู่ นอกจากนายกฯ อายุน้อย จะไม่มีช่วงเวลาฮันนีมูนแล้ว

ต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลาทันที แม้บางครั้งจะถูกค่อนแคะบริหารผ่านโซเชี่ยลก็เถอะ!!

แต่บนความไม่ประสาต่องานบริหารบ้านเมืองของนายกฯ  มือใหม่ ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร ก็นับเป็นความโชคดีที่มีตัวช่วยมากมาย โดยเฉพาะ **‘ทักษิณ ชินวัตร’อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา ที่ถ้า‘ไม่มีข้อจำกัด’**เรื่องกฎหมาย คงจะออกตัวแรง มายืนอยู่หน้าฉากมากกว่าที่เห็น

เอาเป็นว่า ในทางการบริหารบ้านเมือง คงไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ‘ไผเป็นไผ’

ผู้นำตัวจริงเป็นใคร?

เหลืออยู่อย่างเดียวที่คอการเมืองเห็นว่า จะเป็นปัญหาให้กับรัฐบาลอิ๊งค์ 1 คือ โรคเก่า ๆ ของทักษิณจะกำเริบ โดยเฉพาะอาการ**‘ย่ามใจ’** จากความมั่นใจในสัญญาณพิเศษ ที่จะทำอะไรก็ได้ และเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนในโครงการใหญ่ต่าง ๆ ที่บรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

ทั้ง ‘เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’ ที่ถูกฝ่ายค้านตั้งคำถามเรื่องการสมคบกันของกลุ่มทุนใหญ่และมีการแย่งชิงผลประโยชน์กันเองในกลุ่มทุน โดยเอาประชาชนมาบังหน้า

นอกจากนั้น การเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ก็ถูกมองเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของสองตระกูลการเมืองไทย-กัมพูชา ที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกัน

โดยหากโรคเก่ากำเริบ ทั้งจากอาการย่ามใจและ ‘บูรณาโกง’ เกิดขึ้นแจ่มชัด อาจทำให้กระแสการชุมนุมของฝ่ายแค้นที่จุดไม่ติด ถูกจุดติดขึ้นในวันใดวันหนึ่ง อันเกิดจากพฤติกรรมการกระทำของคนในรัฐบาลเองนั่นแหล่ะ

เพราะทั้งจุดแข็ง-จุดอ่อนรัฐบาลอยู่ที่เดียวกันคือ ‘ทักษิณ ชินวัตร’

ทีนี้มาดูการเมืองในสภาและนอกสภา ไม่น่าจะเป็นปัญหาให้รัฐบาล 320 เสียง เพราะฝ่ายค้านยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ จัดทัพสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นไม่ทัน หลังพรรคก้าวไกลถูกยุบ แถมยังมีมวยหลักอีกหลายคนรอ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง

นอกจากนั้น การประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกของพรรคประชาชน ที่แปลงร่างมาจากพรรคก้าวไกล นอกจากจะยัง ‘จับต้องไม่ได้’ แล้ว อีกด้านยังมีภาพที่แกะไม่ออก เรื่องมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับฝ่ายรัฐบาล ผ่านการพบปะพูดคุยของ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ กับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ฮ่องกง ตั้งแต่ก่อนตั้งรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

ส่วนฝ่ายค้านพรรคอื่น โดยเฉพาะ ‘พลังประชารัฐ’ ที่น่าจะเหลือสส.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านจริงไม่ถึง 10 คน คงไม่หวังใช้เวทีสภาเขย่ารัฐบาล ดูจาก ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรค ที่เป็น สส.บัญชีรายชื่อ แทบจะไม่ได้โผล่หน้าไปที่สภาเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้น พล.อ.ประวิตร คงใช้วิธีบัญชาเกมนอกสภา โดยรวบรวม**‘ฝ่ายแค้น’**ที่เป็นคู่ปรับเก่าทักษิณ ทั้งกลุ่มเสื้อสี กลุ่มนกหวีด ที่ผิดหวังกับแกนนำที่พากันไปจูบปากเข้าร่วมรัฐบาลอิ๊งค์ จับมือกันต่อสู้กับรัฐบาลมากกว่า

แต่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลวันนี้ ยังอ่อนแรง รอการรวมตัวกันอีกครั้ง โดยอุปโลกน์ให้พล.อ.ประวิตร เป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยมคนใหม่ ซึ่งไม่แน่ใจเพราะเห็นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวพล.อ.ประวิตร หรือเพราะเห็นมีทุนรอนบนหน้าตักมากพอที่จะสูบมาสู้กับอีกฝ่ายหนึ่งได้

ดูทรงการเมืองในสภาและนอกสภาชั่วโมงนี้ คงไม่มีพลังพอไปเขย่ารัฐบาลได้ น่าจะเหลือหนทางเดียวที่จะเล่นงานรัฐบาลอิ๊งค์ได้ คือ เรื่อง ‘นิติสงคราม’ ที่ยังไปยื่นร้องกันรายวัน

นิติสงคราม จึงน่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดรัฐบาลชุดนี้ได้ แม้ทักษิณจะมั่นใจถึงกับท้าให้ร้องดังๆ ก็ตาม ซึ่งไม่ต่างกับนายกฯ อิ๊งค์ ที่ตอบคำถามนักข่าวเรื่องคำปรามาสรัฐบาลจะอยู่ได้ไม่นาน ไม่ต้องนับปี แต่ให้นับเป็นเดือนแทนว่า 

‘ก็ให้ช่วยกันนับนะ’

ดูเหมือนมีความมั่นใจทั้งพ่อทั้งลูก คงเพราะเห็นว่าการเมืองในสภานอกสภาต่างอ่อนแรงด้วยกันทั้งคู่?!

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์