มีเงินแต่ไม่มีแอปฯ เงินดิจิทัลส่อเลื่อนยาววว

12 ส.ค. 2567 - 03:00

  • รัฐบาลเดินหน้าเงินหมื่นดิจิทัลแล้ว

  • แต่ก็ยังมีมีความชัดเจน และมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้จริงหรือไม่

  • จุดตายของโครงการนี้คือ ซูเปอร์แอป ที่ยังไม่รู้ตัวคนทำ และเสร็จเมื่อไหร่

politics-economy-digitalwallet-SPACEBAR-Hero.jpg

เรากำลังตรวจสอบสิทธิ์ของท่านกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ระบบได้รับข้อมูลการลงทะเบียนเรียบร้อยและจะดำเนินการตรวจสอบสิทธิ์ตามเงื่อนไขโครงการฯในลำดับถัดไป  ท่านสามารถเริ่มตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้วันที่ 22 กันยายนเป็นต้นไป ผ่านช่องทางแอปพลิชันทางรัฐ

สำหรับคนไทยที่อายุเกิน 16 ปีขึ้นไป และมีสมาร์ทโฟนกว่า 25 ล้านคน ที่เข้าไปลงทะเบียนเพื่อรอรับเงินหมื่นบาทจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา มาถึงวันนี้อาจจะยังคงนอนฝันกลางวัน และเฝ้ารอที่จะได้ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จากรัฐบาลของนายกฯเศรษฐาอย่างมีความหวัง ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะได้เงินตอนกี่โมง...

คงต้องบอกว่า ถึงนาทีนี้ ‘เส้นขอบฟ้า’ ที่จะได้รับเงินยังอยู่อีกแสนไกล และคงไม่ใช่ภายในปีนี้อย่างแน่นอนเสียแล้ว เพราะมีปัญหาที่เป็น ‘จุดตาย’ คือ ส่วนของระบบการชำระเงิน Payment Platform เพื่อรองรับการใช้จ่ายเงิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้ เดินทางมาถึงจุดสะดุดยังเดินต่อไม่ได้

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ‘ตัวละครลับ’ ที่ถูกวางไว้ว่าจะเป็นผู้เข้ามาดำเนินการพัฒนาและจัดทำระบบการชำระเงินเกิดอาการ ‘ถอดใจ’ เพราะไม่มั่นใจว่าจะดำเนินการได้เสร็จสมบูรณ์ได้ทันตามกรอบเวลาในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จากขนาดของงานที่มีเงื่อนไขและความสลับซับซ้อนตามข้อกำหนดของรัฐบาล จึงไม่อยากพาตัวเองเข้าสู่ ‘หลักประหาร’

ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวลือสะพัดในแวดวงนักออกแบบเทคโนโลยีทางการเงินหรือ ‘ฟินเทค’ว่า ในทางลับมีการตกลงให้ ‘เอกชนรายหนึ่งเริ่มออกแบบพัฒนาระบบไปแล้ว’  และพร้อมที่จะเข้ามาเสนอตัวทันทีที่มีการออก TOR เพื่อคัดเลือก แต่จนถึงนาทีนี้ รัฐบาลก็ยังไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งๆที่ประกาศว่าจะแจกเงินให้ทันภายในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ 

มีชื่อของ Publicis Sapient ที่เป็นบริษัท Fin Tech ที่ปรึกษาในการออกแบบระบบและให้บริการด้านเทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งเข้ามาร่วมทุนกับกลุ่ม SCBX ในการก่อตั้ง SCB TechX กำลังเป็นบริษัทที่ถูกจับตามองว่าจะเป็น ‘หมากบังคับ’ ที่จะเข้ามารับงานนี้

แต่มีกระแสข่าวล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปิดเผยว่า ซีอีโอใหญ่ของ SCBX ได้รับคำแนะนำจากทีมงานด้านระบบการชำระเงินผ่านระบบฟินเทค และตัดสินใจที่จะไม่เสนอตัวเข้าไปพัฒนาระบบชำระเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลแล้ว

ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบดีสำหรับคนในวงการการฟินเทคว่า งานพัฒนา ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ให้เป็น ‘ซูเปอร์แอปพลิเคชัน’ เป็นโครงการที่ ‘สุดหิน’ และมีคำเตือนมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ที่มีหนังสือให้ความเห็นและแสดงความเป็นห่วง ‘ระบบเติมเงิน’ ของรัฐบาล เนื่องจากต้องออกแบบให้มีลักษณะเป็น ‘ระบบเปิด (Open Loop)’ ที่ต้องเชื่อมโยงกับธนาคาร และ Non–Bank ในวงกว้าง จึงต้องระมัดระวังในเรื่องของความเสถียรและความปลอดภัยของระบบค่อนข้างสูง

ที่สำคัญคือต้องมั่นใจว่าระบบชำระเงินดังกล่าวจะสามารถรองรับธุรกรรมขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้าสูงถึงระดับ 50 ล้านคน และมีร้านค้าที่จะเข้ามาในระบบถึงหลักล้านร้านค้า ที่จะเกิดธุรกรรมซื้อขายแบบ Real Time ชนิดนาทีต่อนาทีจำนวนมหาศาล ซึ่งต้องมั่นใจว่าจะถูกต้องและรวดเร็ว ไม่เกิด ‘ล่ม’ ในระหว่างการใช้งาน

นอกจากนั้นยังต้องมีความมั่นคงปลอดภัยของระบบ ป้องกันการถูกคนร้ายสวมรอย และป้องกันการขายลดสิทธิ์ (Discount) ระหว่างประชาชนกับร้านค้า ซึ่งจะต้องนำระบบ Block Chain มาวางไว้เบื้องหลังเพื่อใช้ในการตรวจสอบในขั้นสุดท้าย

เพราะเหตุนี้ แบงก์ชาติจึงระบุว่า ก่อนเริ่มใช้งานต้องแจ้งให้ ธปท.ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อตรวจสอบระบบเนื่องจาก การเชื่อมต่อ Payment Platform ใหม่กับ Mobile Application ของสถาบันการเงินต่าง ๆ แบบ Open Loop เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านระบบ IT อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะกระทบต่อลูกค้าและการให้บริการในวงกว้าง

ในการพัฒนาระบบการชำระเงินที่สมบูรณ์แบบดังกล่าว ผู้คนในวงการ Fin Tech เชื่อว่าเฉพาะขั้นตอนการสร้างและพัฒนาระบบที่ต้องรองรับธุรกรรมของคนจำนวนมหาศาลขนาด 50 ล้านคน เป็นงาน ‘สุดหิน’ และจำเป็นต้องมีการทดสอบในกลุ่มเล็กในรูปแบบ Sand Box ก่อนเพื่อความมั่นใจก่อนที่จะเปิดใช้บริการจริง

ทั้งหมดอาจจะต้องใช้เวลาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถแจกเงินหมื่นให้กับชาวบ้านได้ทันในปีนี้ ถึงแม้รัฐบาลจะสามารถ ‘ปลดล็อก’ เรื่องอื่นๆ หรือสามารถจัดหาที่มาของเงิน 4.5 แสนล้านบาท มาจากงบประมาณปี 2567 และ 2568 มาได้แล้วก็ตาม

โครงการพัฒนาระบบชำระเงินในตอนนี้จึงหยุดชะงักลง ถึงแม้ล่าสุดจะมีกระแสข่าวว่า Ascend Group ธุรกิจฟินเทค ที่แยกตัวออกมากจากกลุ่ม True Corporation ของ กลุ่มซีพีที่เป็นผู้พัฒนา TrueMoney Wallet กลายเป็นตัวเลือกใหม่ ที่อาจจะเสนอตัวเข้ามารับงานในการพัฒนาระบบการชำระเงินของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแทน แต่ก็ยังมีความกังวลว่าหากให้กลุ่มซีพีเข้ามาพัฒนาแอปพลิเคชันนี้ รัฐบาลจะยิ่งถูกโจมตีว่า ทั้งหมดเป็น ‘ทฤษฎีสมคบคิด’ ที่เป็นการเอื้อให้กับกลุ่มทุนใหญ่ที่จะได้ประโยชน์

มาถึงนาทีนี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จึงมีความเสี่ยงที่อาจมาถึงทางตัน เหมือนรัฐบาลอยู่บนทาง 2 แพร่ง ถ้าเดินหน้าไปตามแผนเดิมโครงการก็ต้องล่าช้าไปเรื่อยๆที่จะส่งผลเสียในเรื่องของความนิยมทางการเมือง จึงอาจจะต้องยอม ‘กลืนน้ำลาย’ หันมาแจกเงินผ่านกลไกเดิมคือโอนเงินสดเข้าไปใน แอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ และผ่อนคลายเงื่อนไขบางอย่างในการใช้เงินให้ง่ายขึ้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์