ในขณะที่เสียงปี่ กลองการเมือง เรื่องเลือก สว.แบบไทย ๆ กำลังดังขึ้น กลับมีคิวแทรกเรื่องการปล่อยผี สส.เข้าสภาหลังเลือกตั้งครบหนึ่งปี มาดึงความสนใจคอการเมือง
โดย ‘เทพไท เสนพงศ์ ’ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ที่ผันตัวเองมาเป็นนักวิเคราะห์ วิจารณ์การเมือง หลังพ้นโทษคดีทุจริตการเลือกตั้งท้องถิ่น ปัจจุบันอยู่ระหว่างถูกตัดสิทธิ์การเมือง ออกมาตำหนิการทำงานของ กกต.ชุดปัจจุบัน ผ่านพื้นที่เฟซบุ๊กของตัวเอง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตั้งหัวข้อว่า ‘กกต.ล้มเหลว 1 ปี ไม่สามารถให้ใบแดง สส.ซื้อเสียงได้เลย ยุบทิ้งคืนให้มหาดไทย’
การทำงานของ กกต.ชุดนี้ ต้องยอมรับว่าประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา คือปีพ.ศ.2562 กับปีพ.ศ.2566 มีการซื้อเสียงกันอย่างมโหฬาร และเปิดเผยเป็นที่รับรู้กันทั่วไป ถ้าหากจะจับ สส.ทั้งสภาไปสาบานที่วัดพระแก้วเรื่องการซื้อเสียง เชื่อว่าน่าจะตายกันเกือบหมดทั้งสภา แต่ กกต.ไม่สามารถให้ใบแดงกับคนชื้อเสียงได้เลย ถ้าเป็นเช่นนี้ประเทศไทยไม่ควรมี กกต.มาจัดการเลือกตั้งให้สิ้นเปลืองงบประมาณ คืนอำนาจกลับไปให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้งเหมือนในอดีตจะดีกว่า’
การทิ้งบอมบ์ กกต.ของเทพไท คงสืบเนื่องจากเข้าใจว่า หลังการเลือกตั้งครบ 1 ปีแล้ว สส.ที่ได้รับการรับรองจาก กกต.ให้เข้าสภาไปก่อนในความหมายของการ ‘ปล่อยผี’ แล้วค่อยตามสอยทีหลังนั้น จะไม่สามารถตามสอยได้อีก เพราะพ้นขอบเขตขัณฑสีมาตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้แล้ว
เสมือนเป็นการยกประโยชน์ให้จำเลย อารมณ์เดียวกับ ‘คดีหมดอายุความ’ ที่ศาลต้องยกฟ้องสถานเดียว ประมาณนั้น
หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปี2566 กกต.ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสส.ในคราวเดียว 500 คน โดยเป็นระบบเขต 400 คน และระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ในวันที่ 19 มิถุนายนปีเดียวกัน ซึ่งเหตุผลที่ต้อง**‘รับรองไปก่อน’** ก็เพราะเกรงกระบวนการสืบสวนสอบสวนผู้ถูกร้องเรียนอาจดำเนินการไม่ทัน 60 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ตามประกาศของ กกต. ณ เวลานั้น มีผู้ถูกร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งติดไปด้วย จำนวน 71 เขต ซึ่งต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องกันต่อไป หากไม่มีปัญหาก็จบ แต่หากมีหลักฐานเอาผิดได้ ก็ต้องส่งให้ศาลฎีกาแผนคดีเลือกตั้ง ดำเนินการให้พ้นจากการเป็น สส.ไปตามระเบียบ
จึงเป็นที่มาของคำว่า รับรองไปก่อนแล้วตามสอยทีหลังนั่นแหละ
ต้องยอมรับว่า ในอดีตความหมายของการปล่อยผีไปก่อนคือ จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาหนึ่งปีอย่างที่เทพไท และใครต่อใครอีกหลายคนเข้าใจนั่นแหละ แต่มาตอนหลังมีการยืนยันว่า ‘เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน’ เพราะไม่ได้มีกำหนดกรอบเวลาไว้ในกฎหมาย
ส่วนหนึ่งปีที่พูดถึงกันนั้น เป็นระยะเวลาที่ กกต.กำหนดขึ้นไว้เร่งรัดตัวเอง ไม่ให้การดำเนินการต้องล่าช้าเกินไป
หลังปล่อยให้ ‘ถูกด่า’ ฟรีไปหลายวัน ‘แสวง บุญมี’ เลขาธิการ กกต.ซึ่งกำลังวุ่นอยู่กับการเลือก สว.แบบใหม่ ได้ออกมาแจกแจงเรื่องกรอบเวลา 1 ปี ให้ฟังชัด ๆ ว่า
‘ระยะเวลา 1 ปี ไม่มีกำหนดในกฎหมาย เป็นเพียงการกำหนดไว้ให้ กกต.ปฏิบัติเท่านั้น ซึ่งเป็น 1 ปีนับตั้งแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง แปลว่าขณะนี้กกต.ยังมีเวลา และยังเหลืออีกกว่า 10 สำนวน ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการส่งศาลไปแล้วหลายเรื่อง เพียงแต่ไม่เป็นข่าว’
ไม่ชี้แจงเปล่า เลขาฯ แสวง ยังส่งข่าวร้ายไปถึงสส.ในสภาด้วยว่า มีอีกกว่า 10 สำนวน ที่ กกต.กำลังพลิกซ้ายพลิกขวาดูอยู่ และมีหลายเรื่องส่งศาลไปแล้ว เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง
เอาเป็นว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะตาม ‘สอย’ สส.ที่รับรองเข้าสภาไปก่อน แม้จะพ้นเวลาหนึ่งปีไปแล้ว โดยยึดตาม**มาตรา 138 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.**ที่ให้ดำเนินการกับผู้ได้รับการเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต หลังได้ประกาศรับรองผลไปแล้ว
ส่วนอีก 10 กว่าสำนวน จะมี สส.คนใด พรรคไหน ถูกหวย กกต.บ้าง ต้องไปลุ้นกันเอาเอง และคงไปรู้ในวันเดียวกับที่ต้อง ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่สส.’ นั่นแหละ เพราะในวรรคสามของ มาตรา 138 เขียนไว้ว่า
‘เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ผู้นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผู้นั้นมิได้กระทำความผิด’
ในทางกลับกัน ถ้าศาลตัดสิน ‘มีความผิด’ ตามคำร้องของกกต.ความเป็นสส.ก็ต้อง ‘สิ้นสุด’ ลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และต้องถูก ‘เพิกถอนสิทธิ’ สมัครรับเลือกตั้ง เจอโทษแบนทางการเมืองตามมาด้วย
สรุปว่า 1 ปี กกต. ควักใบแดงแจกไปแล้ว 2 เขต จากคำร้องคัดค้านทั้งหมด 71 เขต และบวกกับอีกกว่า 10 สำนวน ที่บางส่วนส่งไปศาลแล้ว แสดงว่ามีอีกกว่า 50 สำนวน ที่ยังต้อง ‘ลุ้น’ กันต่อ
เพราะ พ.ศ.นี้ใบแดงไม่มีหมดอายุ ตรวจเจอเมื่อไร ก็ควักแจกกันได้เมื่อนั้น
