ครม.อิ๊งค์ 1 ระวังนกหวีดติดคอ?

2 ก.ย. 2567 - 02:41

  • ครม.อิ๊งค์ 1 ยังไม่คลอดเสียที

  • ในอนาคต อาจเผชิญกับความยุ่งยาก

  • เหนื่อยแน่กับการจัดทำนโยบายรัฐบาล

Deep Space นกหวีดติดคอ-SPACEBAR-Hero.jpg

หลัง แพทองธาร ชินวัตร รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 ผ่านมาถึงวันนี้เลยเวลามาครึ่งเดือนแล้ว

ครม.อิ๊งค์ 1 ยังไม่คลอดเสียที!!

ปัญหาที่แท้จริงอยู่ตรงไหน ระหว่างการแบ่งเค้กในพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงตัว หรือการตรวจสอบคุณสมบัติที่ต้องผ่านหลายด่าน ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฤษฎีกา และสำนักงาน ป.ป.ช.

ในมุมมองของแกนนำม็อบเก่า ที่ตอนหลังผันตัวเองมาเอาดีด้านนักวิชาการ ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มองการจัดตั้งรัฐบาลในเชิงของหลักการประชาธิปไตยว่า คือ การรวบรวมเสียงข้างมาก ซึ่งปัญหาความยุ่งยากจะอยู่ที่ 2 เรื่อง คือ การเจรจาแบ่งโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี กับการจัดทำนโยบายรัฐบาล

โดยถ้ายึดตามหลักการ ดร.สุริยะใส เห็นว่าอย่างหลัง คือ การจัดทำนโยบายรัฐบาล น่าจะยุ่งยากกว่า เพราะต้องนำนโยบายของแต่ละพรรคที่หาเสียงไว้มายำรวมเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่จะแถลงต่อรัฐสภา 

แต่สำหรับการเมืองไทย ความยุ่งยากกลับอยู่ที่โควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งไม่เฉพาะจำนวนเก้าอี้ที่จะแบ่งกันกี่ที่นั่งเท่านั้น หากยังรวมถึงกระทรวงที่จะเข้าไปดูแลว่าอยู่ในเกรดไหนด้วย

ส่วนเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรี ตามบรรทัดฐานใหม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญให้แนวทางไว้ในคำวินิจฉัยที่ 17/2567 นั้น ในสายตาของดร.สุริยะใส ไม่ได้เห็นว่าจะเป็นอุปสรรคหรือปัญหาที่ทำให้นักการเมืองสีเทา ๆ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้เสียเลย เพราะกรณีดังกล่าวนั้น

ต้นตอปัญหาคือ พิชิต ชื่นบาน มีความชัดเจนอยู่ในตัวเพราะติดคุกมาเป็นที่ประจักษ์แล้วจริง ๆ

ในขณะที่นักการเมืองคนอื่น ๆ มีปัญหาถี่ห่างแตกต่างกันไป บางคนไปข้องแวะกับเรื่องราวฉาวโฉ่ บางคนถูกยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการชี้มูลความผิดหรือเรื่องยังไม่จบ ก็ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่สามารถเอาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องมาตรฐานจริยธรรมที่ว่านั้น มาเป็นมาตรวัดไม่ให้เป็นรัฐมนตรีได้

เพราะเรื่องยังไม่จบ เป็นเพียงการถูกกล่าวหาเท่านั้น

มุมมองเรื่องนี้ของ ดร.สุริยะใส ไปตรงกับความเห็นของ นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ที่ให้ความเห็นส่วนตัวเรื่องคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเอาไว้เช่นกันว่า

"หากตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกว้างว่า แค่ถูกไต่สวนอยู่หรืออัยการสั่งฟ้องแล้ว จะไม่สามารถเป็นได้นั้น ข้าราชการ นักการเมือง สส./สว. คงหมดโอกาสกันหมด ถ้าจะใช้มาตรฐานนั้น"

เอาล่ะ ถ้าตัดปัญหาเรื่องมาตรฐานจริยธรรมตรงนี้ทิ้งไป แล้วจะยังมีอะไรที่ไม่ง่ายในการจัดตั้งครม.อิ๊งค์ 1 อีกเล่า ซึ่งในสายตาของผู้นำม็อบเก่าอย่างดร.สุริยะใส กลับเห็นว่า เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตแกนนำ กปปส.ที่จะถูกเติมชื่อเข้ามา จะเป็นความยุ่งยากของครม.อิ๊งค์ 1 

ดร.สุริยะใส ให้เหตุผลว่า "ขิง-เอกนัฏ" คือแกนนำม็อบ กปปส.ตัวจริง ส่วน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หรือใครต่อใครอีกหลายคนในพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่อยู่ร่วมในรัฐบาลเศรษฐาก่อนหน้านี้ ไม่ถือเป็นแกนนำ กปปส. ซึ่งพอ ๆ กับการเข้ามาของพรรคประชาธิปัตย์ สาย "เฉลิมชัย-เดชอิศม์" ที่ทั้งสองไม่เคยเข้าร่วมโค่นระบอบทักษิณมาก่อน จึงไม่มีปัญหา

แต่สำหรับเอกนัฏ ที่แขวนนกหวีดขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ โดยยืนอยู่แถวหน้าคู่กับ "ลุงกำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้งบนเวทีปราศรัยและบนท้องถนน

ในสายตาของคนที่ผ่านการทำม็อบมาก่อน ดร.สุริยะใส มองว่า เอกนัฏที่เติมเข้ามาในครม.อิ๊งค์ 1 จะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ทำให้เกิดความยุ่งยากและทำให้การเมืองระอุขึ้น

กรณีของเอกนัฏ เรื่องต่อจากนี้ไม่เกี่ยวกับดร.สุริยะใส แต่ตามรายงานข่าวพบว่า การเข้าไปเป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นรายการระดับ "คุณขอมา" ที่คนในพรรคเองยังต้องอ้าปากค้าง เพราะลุงกำนัน เป็นคนบากหน้าไปขอเก้าอี้กับผู้มีอำนาจตัวจริงด้วยตัวเอง

สำหรับเอกนัฏ ที่ต้องการเป็นเสนาบดีป้ายแดงด้วยวิธีป๋าดันครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความบาดหมาง เกิดรอยร้าวขึ้นในพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว

ในอนาคตอาจจะเป็นปัญหาให้ ครม.อิ๊งค์ 1 เผชิญกับความยุ่งยาก ชนิดเกิดอาการนกหวีดติดคอเอาได้ไม่ช้าก็เร็ว โบราณว่าจิ้งจกทักยังต้องฟัง แต่นี่เป็นคนที่ขลุกอยู่กับม็อบมานาน

อย่างน้อยคงได้กระสายหรือสาบกลิ่นอายอะไรมาบ้างถึงออกมาทักไว้?!

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์