ปิดทางสูตร 2:2:2 ยึดทบ. ‘บิ๊กต่อ’ สวมหัวใจสิงห์ดับฝันไอ้โม่ง

9 ก.ย. 2567 - 03:30

  • ข่าวลือหนาหูสะพัด ทบ. มี “รุ่นพี่บางคน” พยายามบีบพ่อกระทบลูก หวังวางไลน์สืบทอดอำนาจรุ่นข้ามรุ่น

  • จับตาโผพลิก ’บิ๊กต่อ’ ดัน ‘บิ๊กปู’ นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ปิดเกมวางไลน์ สูตร 2:2:2 แผนยึดครองกองทัพบก

Deep Space ปิดทางสูตร ยึดทบ-SPACEBAR-Hero.jpg

กองทัพเรือ ถูกตั้งฉายาว่า ”โผเด็กดื้อ“ เมื่อ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ตัดสินใจปฏิเสธคำขอจากรอบด้านที่ให้ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ โดยยืนยันเด็ดขาดที่จะเสนอชื่อ ’บิ๊กแมว’ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ที่ปรึกษาพิเศษ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือแทน

โดยมีข่าววงใน ลือกันว่า เตรียมโยก พล.ร.อ.สุวิน ข้ามห้วยจากวังนันทอุทยานไปทัพใหญ่ย่านแจ้งวัฒนะ ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และดัน เพื่อนโอ๋ ‘พล.ร.อ.ชลทิศ นาวานุเคราะห์’ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ อีกหนึ่งแคนดิเดท ขึ้นเป็นพลเรือเอกพิเศษ ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารเรือแทน และเสนอชื่อ ‘พล.ร.อ.วิจิตร ตันประภา’ รองเสนาธิการทหารเรือ(ตท.24) ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ

ส่วน พล.ร.อ.วราวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ(ตท.24) อีกหนึ่งตัวเต็ง ถูกขยับขึ้นเป็นพลเรือเอกพิเศษในตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ โดยมี ‘พล.ร.ท.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์’ รองเสนาธิการทหารเรือ(ตท.24) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารเรือ

หากรายชื่อประกาศออกมาตามนี้ โดยไม่มีอะไรปรับเปลี่ยน ก็ถือว่าภารกิจสุดท้ายก่อนถอนสมอของ ’พล.ร.อ.อะดุง‘ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ซุ่มซ่อนไว้ในใจมานานเกือบครึ่งปี  

โผโยกย้ายของกองทัพเรือ ที่ได้ชื่อว่าเป็น โผเด็กดื้อ ในที่ประชุม แทบจะเทียบไม่ได้ กับโผโยกย้ายของกองทัพบก ที่แม้ในการประชุมสภากลาโหมครั้งสุดท้ายในยุค ’บิ๊กทิน‘ ’สุทิน คลังแสง‘ เป็น รมว. จะไม่มีการโต้เถียงกันมากนัก 

แต่บรรยากาศการต่อรองนอกรอบ นอกห้องประชุม ในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา กลับดุเดือด ร้อนระอุ แทบจะเป็นศึกสายเลือดเตรียมทหาร และศึกสายเลือดระหว่างพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี ทำให้มีการร่ำลือถึงกระแสโผพลิกหลุดลอดออกมา เป็นสูตรโยกย้ายที่ถูกโยนหิน ทั้งถามทางและนำทาง มาหลายรอบหลายสูตร 

สูตรแรกเล่าลือกันว่า เป็นสูตรที่มีคำขอให้ ’บิ๊กต่อ‘ ’พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์‘ ผู้บัญชาการทหารบก ยึด สูตร 2:2:2 โดยขอให้ ’บิ๊กหนุ่ย’ พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก(ตท.24) ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2569 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก 2 ปี

สูตรนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 จะเป็น ‘รองไก่’ ‘พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2571 เพื่อให้ทันต่อการเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.ในปี 2568 และขยับเป็นผู้บัญชาการทหารบกต่อจาก ‘บิ๊กหนุ่ย‘ อีก 2 ปี  

ซึ่งหากเป็นไปตามสูตรนี้จริง ก็จะต่อด้วย 2 ที่เหลือ คือ ’รองกอล์ฟ’ ‘พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์‘ รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.28) อีกคนที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2573 โดยเตรียมดัน ’รองกอล์ฟ’ ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ในปีนี้ และขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในปี 2568 และเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.ในปี 2569 เพื่อเป็น ผบ.ทบ.คนต่อจาก ‘พล.ต.วรยศ’ ในปี 2571

นั่นหมายถึง เตรียมทหารรุ่น28 จะมีอำนาจในกองทัพบก ยาวไปถึง 4 ปี และเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ถึง 2 คน ไม่นับเพื่อนร่วมรุ่น (ตท.28) ที่ตบเท้าจ่อเข้าคุมตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในทัพภาคที่ 1 และตำแหน่งคุมกำลังรบบางกองพลในกองทัพภาคที่ 2

สูตร 2:2:2 เป็นสูตรที่สร้างแรงกดดันให้กับ ‘พล.อ.เจริญชัย’ อย่างหนัก เพราะสูตรนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมในกองทัพบกอย่างรุนแรง เนื่องจากการจัดโผตำแหน่งสำคัญๆ จะกระจุกตัวอยู่ในรุ่น เตรียมทหาร28 และกระทบการจัดวางตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง ที่ต้องกระจายความเป็นธรรมให้พี่และน้องรุ่นอื่น ๆ

เดิม ’พล.อ.ธราพงษ์’ มีโอกาสขึ้นนั่งเบอร์หนึ่งกองทัพ โดยพลิกขึ้นมาโดดเด่นในช่วงเดือนต้นสิงหาคม เพราะเวลานั้น ’บิ๊กปู‘ ’พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์’ เสนาธิการทหารบก(ตท.26) ที่เกษียณอายุราชการใน ปี 2570 ถูกตั้งข้อสังเกตว่า การเป็น ผบ.ทบ.นานเกินไปถึง 3 ปี อาจเป็นข้อจำกัด เพราะเคยมีกรณีศึกษาจากอดีตผู้บังคับบัญชาบางคนมาแล้ว

สูตรนี้ **’แม่ทัพใหญ่’ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.27)**ที่เกษียณอายุราชการปี 2571 จะถูกขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และเข้าสู่ 5 เสือในปี 2568 เพื่อจ่อรอคิว เป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก ‘บิ๊กหนุ่ย’

แต่สูตรนี้ ลือกันว่า มีผู้ใหญ่บางคน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ใกล้ชิดกับ ’บิ๊กต่อ‘ ไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เส้นทางของ**’พล.ต.วรยศ‘** ที่เกษียณอายุพร้อม ’พล.ท.อมฤต‘ อาจจะหมดโอกาสที่จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และหมดโอกาสที่จะเข้ามาเป็นแคนดิเดท ผบ.ทบ.

คำขอจากรุ่นพี่ จึงถูกส่งตรงไปยัง ’บิ๊กต่อ’ ขอให้ใช้สูตร 2:2:2 แทน โดยให้ ’พล.อ.ธราพงษ์’ เป็นผบ.ทบ. และ พล.ต.วรยศ ต้องเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะเป็นสูตรเดียวที่จะเปิดเส้นทางให้ ’พล.ต.วรยศ‘ เข้าไปเป็นตัวเต็งว่าที่ ผบ.ทบ.คนต่อไป แบบไม่มีคู่แข่งคนสำคัญ และส่งไม้ต่อให้ ’พล.ต.สราวุธ‘ ได้ไม่ยาก

คำขอที่ต่อรองกันหนนี้ ถึงขั้นนำเรื่องส่วนตัวมาบีบคั้น ทำให้สถานการณ์การจัดโผกองทัพบกพลิกกลับมายัง**’พล.อ.พนา’** อีกครั้ง เมื่อ ’บิ๊กต่อ’ สวมหัวใจสิงห์ ปฏิเสธคำขอของรุ่นพี่ท่านนั้น และลงนามในใบลาออกของ**’ผู้กองพรีม‘ ลูกชายที่ขอลาออกจากราชการ และให้มีผลทันทีเพื่อลดแรงกดดัน**

สูตรการวางตำแหน่งสำคัญในกองทัพบก จึงกลับมาสู่เส้นทางการเฉลี่ยตำแหน่งสำคัญให้กับทุกรุ่น และเฉลี่ยตำแหน่งให้กับนายทหารที่ใกล้ชิดกับอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพ และมีความสามารถ ที่เคยหลุดออกนอกเส้นทาง กลับมาดำรงตำแหน่ง 5 เสือ 

พร้อมใช้หลักอาวุโส และความเหมาะสม ความสามารถในการจัดสรรตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลหลัก เพื่อความลงตัวและเหมาะกับสถานการณ์การเมือง ที่ส่อแววและมีแนวโน้มจะร้อนแรงมากขึ้น

ว่ากันว่านี่จึงเป็นเหตุผลของการตัดสินใจรอบสุดท้าย ที่ทำให้ ‘พล.อ.เจริญชัย‘ เสนอชื่อ ’พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์’ เสนาธิการทหารบก(ตท.26) เป็นผู้บัญชาการทหารบก

‘พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะบุตร’ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก(ตท.24) นายทหารฝีมือดีจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ สายตรง ‘พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสารท’ เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก

’พล.ท.วสุ เจียมสุข’ รองผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก (ตท.25) อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไลน์กลับมาเป็นพลเอก ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก    

‘แม่ทัพรุ่ง’ ‘พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ’ แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.26) เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

พล.ท.ธงชัย รอดย้อย‘ รองเสนาธิการทหารบก(ตท.25) มือดีจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษอีกคน เป็นเสนาธิการทหารบก  

พร้อมตัดสินใจหักโผ สูตร 2:2:2 เสนอชื่อ ’พล.ท.อมฤต บุญสุยา’ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.27) น้องรักพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ส่วน ’พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ’ รองแม่ทัพภาคที่ 1 มีการไกล่เกลี่ยให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 1 จากเดิมที่คาดว่าจะถูกส่งไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อคืนความชอบธรรมให้ ในฐานะรองแม่ทัพคนที่ 1 และเพื่อให้ ‘พล.ต.อุดม แก้วมหา’ รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า(ตท.27) มีโอกาสขยับขึ้นเป็นผู้บัญชาการโรงเรียน แทน ’พล.ท.ไกรภพ ไชยพันธุ์’ (ตท.24) ที่คาดว่าจะขยับขึ้นเป็นพลเอกก่อนเกษียณ

หากสูตรโยกย้ายแต่งตั้งออกมาตามนี้ นั่นหมายถึงฝันของ ตท.28 ที่จะเข้าไปนั่งในเก้าอี้สำคัญๆของกองทัพ ก็จะกระทบตามไปด้วย เพราะทั้ง ‘พล.ต.สราวุธ‘ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ก็อาจพลาดเก้าอี้แม่ทัพน้อยที่ 1 เพราะต้องสละให้ ’พล.ต.วรยศ‘ เพื่อนร่วมรุ่นที่เกษียณก่อน

ขณะที่ ’พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร‘ รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.28) อีกคน ที่ตามโผอาจจะได้ขยับเป็น พลโท ในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน หรือ ผบ.นรด. ก็คงต้องลุ้นว่า ’พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร’ (ตท.25) ผบ.นรด.คนปัจจุบันจะขยับหรืออยู่ที่เดิม  โดยหาก ผบ.นรด.ขยับ ก็ยังมี ‘พล.ต.ศาสตรา ศรีเพ็ญรองผบ.นรด.(ตท.25) ลูกชาย ’พล.อ.ศัลย์ ศรีเพ็ญ‘ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก เป็นคู่ชิง

ส่วน ‘พล.ต.ณัฐเดช จันทรางศุ’ รองแม่ทัพน้อยที่ 1 หรือ ’รองแอ้ม‘ (ตท.28) ยังคงได้ขยับขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ตามการเสนอของ ’พล.ท.ชิษณุพงศ์’ ที่ชื่นชอบการทำงานของ ‘รองแอ้ม’ ตามโผเดิม

สูตรการจัดวางตำแหน่ง ที่เฉลี่ยให้ความเป็นธรรมทุกรุ่น ตั้งแต่ ตท.24 ,ตท.25 ,ตท.26 ,ตท.27 ไม่เว้นแม้แต่ ตท.28 โดยยึดหลักความสามารถและความอาวุโส จึงเป็นสูตรที่น่าจะลงตัวที่สุด และกระเพื่อมน้อยสุด เพราะทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ก็ยังสามารถมองหน้ากันได้อย่างเต็มที่ ไม่มีการข้ามหัว ข้ามรุ่น อันเป็นประเพณีของกองทัพบกที่ยึดมั่นกันมาอย่างยาวนาน

ส่วนปีต่อไปก็เป็นภาระของ **‘บิ๊กปู‘ ’พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์‘ ว่าที่ ผบ.ทบ.**ที่จะต้องยึดแนวทางนี้ เพื่อสร้างเสถียรภาพความเป็นปึกแผ่นของกองทัพ ท่ามกลางอุณหภูมิการเมืองที่กำลังจะร้อนแรงมากขึ้น

EP.ถัดไปจะมาจับตาส่องตำแหน่งผู้บัญชาการระดับกองพลหลัก ว่า ’พล.อ.เจริญชัย‘ ร่วมกับ ’พล.อ.พนา‘ จะวางขุมกำลังในแต่ละกองพลสำคัญเพื่อรับมือสถานการณ์การเมือง และสถานการณ์ภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ ที่กำลังทวีความตึงเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะแนวรบด้านตะวันตกที่ติดกับประเทศเมียนมาได้อย่างไร

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์