หนึ่งปีผ่านไป... เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีไปแล้วสองคน จากอดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน มาเป็น นายกฯ ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เป็นโครงการ ‘เรือธง’ ของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย กำลังตกอยู่ในสภาพไร้กระบวนท่า
ถูกบีบให้ต้องเล่น ‘ท่ายาก’ มากขึ้นเรื่อย ๆ และเดินลึกเข้าสู่แดนประหารหรือ ‘Killing Zone’ จน ‘สุ่มเสี่ยง’ ที่จะต้องเผชิญกับ ‘นิติสงคราม’ จากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นที่เตรียม **‘เชือด’**ให้ตายคาสนามการเมืองในเร็ว ๆ นี้
จากจุดเริ่มต้นที่รัฐบาลบอกว่าจะเป็น ‘พายุหมุน’ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในสายตาของ ‘ไหม’ ศิริกัญญา ตันสกุล จากฝ่ายค้านพรรคประชาชน ดูแคลนว่าตอนนี้พายุหมุนกำลังสลายตัวกลายสภาพเป็นแค่ ‘หย่อมความกดอากาศต่ำ’ ก็ยังดีที่ไม่เปรียบเปรยว่าจะกลายสภาพเป็น ‘ลมว่าว’ ที่เบาหวิว
ต้องยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมา โครงการดิจิทัลวอลเล็ต สะท้อนภาพการทำงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ‘คิดใหญ่ทำเป็น ฝันถึงดวงดาว แต่ไปได้ไกลแค่ยอดมะพร้าว’ อย่างที่ ‘เจ๊เจี๊ยบ’ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล โพสต์เสียดสีแบบเจ็บจี๊ดเอาไว้จริง เพราะโครงการนี้กำลังจะไม่เหลือสภาพเค้าโครงเดิม แต่ก็จำเป็นต้องเดินหน้า ‘ลุยไฟ’ กันต่อไป โดยไม่รู้ว่าจะมีบทสรุปอย่างไร
หากดูจากคำแถลงนโยบายของรัฐบาลของรัฐบาล ‘อิ๊งค์ 1’ แพทองธาร โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังคงถูกบรรจุอยู่ใน ‘นโยบายเร่งด่วน’ เรื่องที่ 5 คือ
การกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิตัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐ
แต่หากลองถอดรหัสจากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ รองนายกฯ ‘อ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย ค่อนข้างชัดเจนว่า รัฐบาลกำลังเดินมาถึง ‘ทางตัน’ เนื่องจากมีเม็ดเงินไม่เพียงพอที่จะแจกเงินหมื่นบาทให้กับผู้ที่มีสิทธิ์ที่คาดว่าจะมีราว 45 ล้านคน
ถึงแม้ในการแจกเฟสแรกให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มผู้พิการที่เป็นกลุ่มเปราะบางราว 14.5-15 ล้านคน รัฐบาลจะมีเม็ดเงินที่มีการของบประมาณเพิ่มเติมในปี 2567 และ จากงบกลางบางส่วน โดยมีวงเงินที่เตรียมไว้ราว 1.65 แสนล้านบาท ที่ต้องเร่งแจกให้ทันก่อนสิ้นปีงบประมาณในเดือนกันยายนนี้
แต่ปัญหาใหญ่คือ เม็ดเงินที่จะต้องแจกให้กับคนที่เหลืออีกราว 30 ล้านคน ที่ต้องใช้เม็ดเงินถึงราว 3 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลมีเงินจากงบประมาณปี 2568 ในมืออยู่เพียง 1.87 แสนล้านบาท
รองนายกฯ อ้วน ภูมิธรรม ระบุว่า รัฐบาลจะนำเสนอโครงการเข้าสู่การพิจารณาของการประชุมครม.นัดแรกวันที่ 17 กันยายนนี้ และจะเริ่ม **‘จ่ายเงินล็อตแรก’**ทันทีให้กับกลุ่มเปราะบางประมาณ 14-15 ล้านคน โดยให้เป็น ‘เงินสด’ คนละ 10,000บาท สามารถนำเงินไป ‘ใช้ที่ไหนก็ได้’ ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านค้าตามที่กำหนด เพราะรัฐบาลมีเป้าหมาย เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลต้องการให้เงินหมุนในระบบ
ส่วนที่เหลือจะใช้งบประมาณปี 2568 แจกเงินหมื่นให้กับคนที่เหลือทั้งหมดอีกราว 30 ล้านคน โดยอาจทยอยจ่ายเป็น 2 งวดๆละ 5,000 บาท โดยในงวดแรกจะจ่ายให้คนละ 5,000 บาทก่อนในช่วงปลายปีนี้ โดยหากช่วงนั้นระบบดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ก็อาจจะจ่ายเป็น **‘เงินสด’**เช่นกัน ส่วนที่เหลืออีกคนละ 5,000 บาท ถ้าสามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นระบบการชำระเงินเสร็จ ก็จะจ่ายให้ใช้ผ่านระบบ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’
ถึงแม้จะยัง ‘ปากแข็ง’ ไม่ยอมรับว่ามีเม็ดเงินไม่เพียงพอที่จะจ่ายครั้งเดียวหมื่นบาทให้กับคนที่เหลืออีก 30 ล้านคน แต่ ‘ไหม’ ศิริกัญญา ก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจ เพราะทราบดีว่าเบื้องลึกจริง ๆ ของการแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด เพราะมีงบประมาณมีไม่เพียงพอ เพราะตอนนี้มีเงินอยู่ในกระเป๋าเพียงแค่ 1.8 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันยังไม่รู้ว่าการพัฒนาระบบการชำระเงินจะเสร็จทันหรือไม่ จึงไม่ชัดเจนว่า 5,000 บาทแรกจะจ่ายในรูปเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ต้องตั้งคำถามเหมือนกันว่ายังจะเรียกโครงการนี้ว่า ‘โครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้หรือไม่?’
เพราะเหตุนี้ส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท จึงยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้เมื่อไหร่ เพราะงบประมาณปี 2568 คงไม่เพียงพอ ซึ่งหากไม่ออกพรบ.โอนงบกลางปี 2568 อีกครั้ง รัฐบาลอาจต้องเลื่อนไปจ่ายในปีงบประมาณ 2569 ซึ่งก็จะเริ่มในเดือนตุลาคม 2568
การฝืนเดิน ‘ลุยไฟ’ ต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ยิ่งทำให้รัฐบาลถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนอาจถึงทางตัน และเข้าสู่แดนประหารมากขึ้นทุกที เพราะยิ่งพยายาม ‘เปลี่ยนปกเปลี่ยนเนื้อ’ กันรายวัน ไม่เพียงจะกลายเป็น ‘กระสุนด้าน’ ที่ยิงไม่เข้าเป้าไม่ตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อของ พ่อนายกฯคือกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้าง EcoSystem ให้คนไทยก้าวเข้าสู่สังคม ‘ดิจิทัล’ และ สร้างฐานข้อมูลเพื่อต่อยอดการทำนโยบายเศรษฐกิจเชิงมหภาคในอนาคต
ที่สำคัญยังสุ่มเสี่ยงที่จะทำผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ในยุคแห่ง ‘นิติสงคราม’ เพราะหากพิจารณาจากมาตรา 6-7 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ ระบุไว้ว่าการจัดทำงบประมาณต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
ในมาตรา 9 ยังระบุว่า
‘ในการจัดทำนโยบายการคลังและงบประมาณ ต้องพิจารณาถึงภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นแก่รัฐ รวมถึงความเสี่ยงและ ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ’
ยิ่งไปกว่านั้น มาตรา 9 วรรคสองยังบัญญัติไว้ชัดเจนว่า
‘คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว’
ทั้งหมดจึงสุ่มเสี่ยงหากในบทสรุปสุดท้าย โครงการเรือธง ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แจกเงินหมื่น อาจจะกลายเป็นมหากาพย์ของโครงการที่ล้มเหลวที่สุดไม่ต่างอะไรกับ มหากาพย์โครงการจำนำข้าว ของรัฐบาล ‘อาปู’ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ที่นอกจากจะไม่ได้ช่วยทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่มันอาจจะทำให้เกิด ‘พายุหมุนทางการเมือง’ ที่ก่อตัว และอาจจะซัดถล่มจนรัฐนาวาของรัฐบาล ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร อับปางกลางจากมรสุมทางการเมืองก็เป็นได้...