พรรคส้มชักธงรบ ซักฟอก ‘อิ๊งค์’ ยกครัว!!

18 มี.ค. 2568 - 03:04

  • การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พุ่งเป้าไปที่จุดหมายเดียว

  • บุคคลในครอบครัว คือตำบลกระสุนตก

  • วัดฝีมือ นายกฯ มือใหม่ กับพรรคค้านหัดขับ

politics-thailand-court-cabinet-decision-SPACEBAR-Hero.jpg

ช่วงบ่ายอ่อนวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2568 หลังได้ข้อสรุปการแก้ไขถ้อยคำในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร โดยขีดฆ่าชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ออก เปลี่ยนเป็น ‘บุคคลในครอบครัว’ แทน

ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ ยืนกรานเรื่องกรอบเวลาอภิปรายที่ 23+7 ให้ฝ่ายค้านอภิปรายได้ 23 ชั่วโมง และรัฐบาล 7 ชั่วโมง โดยถอยไปกว่านี้อีกไม่ได้ 

‘ถ้าถอยก็จะตกแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว’

ในเวลาไล่เรี่ยกัน เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคประชาชน’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ดีลแลกประเทศ

เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ

เมื่อช้างสารดีลกัน ประชาชนก็แหลกลาญ

18 เดือนภายใต้รัฐบาลที่ดีลกันบนผลประโยชน์ของชนชั้นนำ เหยียบย่ำเสียงของประชาชน คนไทยต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ เพื่อให้คนบางคนได้กลับบ้าน ประเทศเสียหายไปแค่ไหน เพื่อให้ แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ดิจิทัลวอลเล็ตกลายพันธุ์จนจำรูปร่างเดิมไม่ได้ แจกจ่ายไม่ทั่วถึง เศรษฐกิจโตต่ำรั้งท้ายอาเซียน คนไทยตกงานนับแสน ค่าครองชีพสูง ค่าแรงไม่ขึ้นตามสัญญา

กองทัพกลายเป็น ‘เขตทหาร ห้ามเข้า’ รัฐบาลพลเรือนแตะต้องไม่ได้ ปฏิรูปกองทัพเป็นเพียงลมปาก

แก้รัฐธรรมนูญไร้ความคืบหน้า นักโทษการเมืองติดคุกไม่ได้ประกัน ประเทศไทยถูกประณามเป็นที่อับอายในเวทีโลก

ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของพรรคประชาชน เปิดทุกดีลลับ คิดบัญชีทุกความสูญเสีย เปิดทุกแผลที่ถูกหมกเม็ด ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

24 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป

ข้อความข้างต้น เป็นเหมือนสัญญาณ ‘ชักธงรบ’ ของพรรคสีส้ม ที่ไม่ใช่แค่การโหมโรงซักฟอก บอกเป้าหมายว่าจะเข้าตีตรงจุดไหนบ้างเท่านั้น แต่เป็นการเปิดแผลที่ล้วนฉกาจฉกรรจ์ให้เห็นเป็นการบ้านล่วงหน้า

แถมสส.ตัวตึงของพรรคส้ม ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ยังขยายความ ‘ดีลแลกประเทศ’ ให้เห็นกันชัดๆ ว่า สื่อถึงพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะตระบัดสัตย์ กลืนน้ำลายทุกอย่าง พร้อมที่จะทำอะไรก็ตามที่ประชาชนเสียผลประโยชน์และได้ผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว เอารัดเอาเปรียบประชาชน ให้บุคคลในครอบครัว **‘สทร.’**หรือสุดที่รัก กลับมาเสวยสุข ทวงคืนอำนาจและทรัพย์สินของตัวเองโดยที่ไม่เห็นหัวประชาชน

ทั้งบอกถึงข้อดีของการแก้ไขญัตติจากชื่อทักษิณ เป็น ‘บุคคลในครอบครัว’  แทน จะทำให้อภิปรายได้กว้างขวาง สามารถอภิปรายได้หมดทั้งครอบครัว ที่มีความเกี่ยวข้องในการแทรกแซงการบริหารแผ่นดินของนางสาวแพทองธาร  

ส่วนเพื่อไทย ก็โต้กลับด้วยโปสเตอร์เข็มทิศ พร้อมข้อความ 

‘หลงประเด็น หลงทาง หลงวาทกรรม หลงตัวเอง’

อย่าอภิปรายเป็นฝ่ายแค้น เชิญชวนให้ฟังคำชี้แจงและแสดงผลงานของนายกฯ แพทองธาร ในวันที่ 24 มีนาคม เป็นต้นไปเช่นกัน

ตัดภาพไปที่การประชุมร่วมสองสภาเมื่อวาน แม้พรรคส้มจะพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย ทั้งการแก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช.และการส่งตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 แถมเจอคมเขี้ยวนักการเมืองเก๋าเกม สุทิน คลังแสง อภิปรายสอนมวยในช่วงท้ายเข้าอีกชุดใหญ่

‘หากไม่มีปัญญาและสติ รบร้อยครั้งก็แพ้ ผมเคยทำงานกับทหาร เขาคัดคนไปรบ ไม่เอากล้าหาญแต่โง่ เพราะรบแพ้หมด เขาต้องเอาคนที่ฉลาดๆ นอกจากนั้น ต้องมีสติ ต้องเย็นพอ ต้องรู้ว่าเวลาที่ควรใช้ประมาณไหน และอดทนให้ได้ แยกแยะมิตร ศัตรูให้ออก คำว่าสติขอฝาก การแก้รัฐธรรมนูญสู้กับใคร คิดให้ดีว่าควรตำหนิพวกเรา ศาล หรือฝ่ายไหนลองคิดให้ดี หากเลือกมิตร เลือกศัตรู คนร่วมทางถูก ติพองามไม่ทำร้ายกัน ท่านจะมีมิตรร่วมเดินทาง ไม่เช่นนั้นเป็นมวยหลงมุม ไก่หลงตีตัวเองแพ้หมด’

‘ประชาธิปไตยไม่ใช่รถด่วน การต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่ต่อสู้และแพ้ บอกให้รู้ว่ากล้าหาญอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีกลยุทธ์ ลมเปลี่ยนทิศต้องเปลี่ยนหัวเรือ เพื่อหลบลม ไม่ให้เรืออับปาง และไปสู่เป้าหมาย ไม่ใช่สู้ลม แบบนี้ไม่ใช้สู้เพื่อประชาธิปไตย’

ตอนท้ายแม้สส.ส้มตัวตึงคนเดิม วิโรจน์  ลักขณาอดิศร จะลุกขึ้นแลกหมัดโดยพูดถึงการ**‘ตัดหางสุนัข’** ที่ฝ่ายหนึ่งบอกไม่เอาไปยัดปากใครบางคน แต่อีกฝ่ายบอกเป็นคนช่วยเอาหางสุนัขที่มีคนเอามารัดคอออกให้ แล้วเดินหน้าไปด้วยกันได้ 

หากเทียบกันหมัดต่อหมัด เมื่อวานต้องยกให้เพื่อไทยที่เป็นต่ออยู่หลายขุม!!

แต่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ Gen Y ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เวทีนี้ต้องแสดงเอง ‘ไม่มีพี่เลี้ยง’ อย่างมากก็แค่มีรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องลุกขึ้นชี้แจงแทนบ้างในบางเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ ร้อยละ 95 ฝ่ายค้าน จองกฐินไว้เจาะจงไปที่ตัวนายกฯ ล้วนๆ

ส่วนสส.เพื่อไทย พวกที่เก๋าเกม ฝีปากกล้าทั้งหลาย งานนี้ทำได้เพียงแค่คอยประท้วง ตัดเกม เมื่อเห็นว่าฝ่ายค้านกำลังอภิปรายได้ไหลรื่น ต้องออกมาเสียบสกัดในช่วงจังหวะสำคัญๆ ทันที ไม่ให้นายกฯ เพลี่ยงพล้ำ เสียรังวัด

‘ประท้วง’ คือสุดยอดกลยุทธ์หนึ่งเดียวของสส.เพื่อไทย

สุดท้ายผ่านมาถึงวันนี้ การซักฟอกที่จะมีขึ้นถือเป็นไฟต์บังคับของทั้งคู่ **‘อิ๊งค์-เท้ง’**ที่ต่างมือใหม่หัดขับด้วยกัน แต่เทียบกระดูกมวยแล้ว นายกฯ อิ๊งค์ คงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากกว่า จะประคองตัวผ่าน 23 ชั่วโมง เอาตัวรอดจากฝีปากฝ่ายค้านไปได้อย่างไร 

งานนี้นายกฯ Gen Y คงผ่านด้วยเสียงในสภา แต่บอบช้ำสุดๆ

ส่วนฝ่ายค้าน การซักฟอกเที่ยวนี้ได้เวลาพิสูจน์สองเด้งไปพร้อมกัน คือ ความเป็นฝ่ายค้านแท้-เทียม ของพรรคส้ม กับแม่ทัพเท้ง จะโชว์ลีลา มีหมัดเด็ด  เปิดข้อมูลได้แบบจะแจ้งหรือจืดชืด ถ้าทำได้ดีจะเป็นแรงส่งทางการเมืองต่อไปได้

ในทางกลับกัน หากแม่ทัพเท้งและพลพรรคทำไม่ได้อย่างที่ฉายหนังตัวอย่างไว้ พรรคส้มนั่นแหล่ะจะเสียหายเอง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์