อุ้ม ‘อิ๊งค์’ ผ่านสภา จบศึกซักฟอกรบกันต่อ

26 มี.ค. 2568 - 03:26

  • ผ่านศึกซักฟอกแล้ว ก็ได้เวลากลับมาขบเหลี่ยมกันต่อ

  • จนกว่าจะเดินแยกจากกันไปข้างหนึ่ง

  • ทุกฝ่ายยังต้องกลับมารบตบจูบกันต่อไป

politics-thailand-debate-opposition-policy-SPACEBAR-Hero.jpg

วันนี้รัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างได้ชื่อว่าผ่าน "ศึกซักฟอก" มาแล้วด้วยกันทั้งคู่ เสมือนนักรบที่ผ่านสงคราม หรือหากเปรียบเป็นพระเครื่องก็ผ่านการปลุกเสกมาแล้ว

ส่วนจะขลังไม่ขลัง หรือมีริ้วรอยบาดแผลจากสงครามมากน้อยขนาดไหน ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของประชาชนที่เฝ้าติดตามการอภิปรายตลอดสองวัน งานนี้ฝ่ายค้าน อาจต้องแบกรับความคาดหวังไว้สูงหน่อย ฐานเป็นฝ่ายยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ  

ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาล แค่ประคองสถานการณ์ให้ผ่านไปได้ ไม่ให้นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวที่รักพ่อ ถูกฝ่ายค้านน็อคกลางสภา ก็ถือว่าผ่านศึกนี้ไปได้ เพราะคงไม่มีใครคาดหวังอะไรจากนายกฯ Gen Y มากนัก 

ยกเว้นฝ่ายรัฐบาลที่ให้คะแนนกันเอง อย่างอดีต "บิ๊กทิน" สุทิน คลังแสง ชื่นชมนายกฯ อิ๊งค์ ตอบคำถามด้วยความเป็นผู้ใหญ่ ควบคุมอารมณ์และน้ำเสียงได้ดี มีบ้างช่วงแรกที่เล่นสนุก เจตนาผ่อนคลาย

ส่วนการอภิปรายของฝ่ายค้าน มองว่าไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องเก่าที่เคยพูดมาบ้างแล้ว เหมือนที่เคยถามกระทู้ "ความจริงแล้วประชาชนคาดหวังอยากจะเห็นช็อคซีนีมา เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย"

แต่สุทิน ก็ยอมรับว่ามีเรื่องใหม่บ้าง คือ เรื่องภาษีและเรื่องที่ดินเขาใหญ่ แต่ยังไม่มีข้อกล่าวหาที่น่าเชื่อถือได้

ด้านฝ่ายค้าน แน่นอนว่าต้องมองเห็นภาพอีกด้านหนึ่ง ซึ่งไม่ได้สวยหรูอย่างที่คนในรัฐบาลด้วยกันมอง โดยเฉพาะแม่ทัพเศรษฐกิจพรรคสีส้ม ศิริกัญญา ตันสกุล ถึงกับบอกช้ำใจที่มีคนร้องหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเห็นการบริหารงานที่ย่ำแย่ ไม่เป็นชิ้นเป็นอันของรัฐบาล ไม่เก่งจริงอย่างที่โฆษณา

"เชื่อว่าในการอภิปรายครั้งนี้ประชาชนเบื่อฟังคำแก้ตัว เพราะสะท้อนว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอยู่คนละโลก ช่วงเวลาที่เชื่อใจผ่านไปแล้ว ขออย่ามาแก้ตัวว่าเศรษฐกิจพังมาก่อนหน้านี้ ถ้าจะให้เศรษฐกิจรอดได้ เราไม่สามารถอดทนมีผู้นำแบบนี้ได้อีกต่อไป"

สำหรับนายกฯ อิ๊งค์ ที่เป็นเป้าซักฟอก ประกาศตัวเป็น Daddy’s girl 100% เป็นลูกสาวที่รักพ่อ ทีมงานได้ปรับท่วงท่าการชี้แจงเสียใหม่ที่แตกต่างจากวันแรก จนสื่อบางค่ายใช้คำว่า ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องพ่อ

“ลาออกจากความเป็นลูกสาวหรือความเป็นแม่ สิ่งนี้ดิฉันลาออกไม่ได้”

“ในฐานะของลูกสาว ดิฉันคือลูกสาวของทักษิณ ชินวัตร พูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจ ตั้งแต่สามารถพูดได้ จึงขอให้ทุกคนดู พิสูจน์ที่ความสามารถของดิฉันและความตั้งใจในการทำงาน”

และมาจัดหนักส่งท้ายอีกครั้ง ด้วยการย้อนเกล็ดผู้นำฝ่ายค้านในเรื่องภาวะผู้นำ ว่า ไม่ใช่แค่ตนที่ถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำ ท่านเองก็ถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำเช่นกัน ต่างกันตรงที่ตนถูกครอบโดยพ่อ แต่ท่านถูกครอบงำโดยคนที่ไม่ใช่พ่อ

แถมโต้กลับเรื่องดีลการเมือง ขอความชัดเจนจากผู้นำฝ่ายค้านฯ ชัด ๆ ว่า "ท่านควรประกาศให้ชัดไปเลย ว่าสมัยหน้าท่านจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร พูดให้ชัดตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ”

เป็นการนำคำพูดที่พ่อเคยตั้งคำถามต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาชนในครั้งนี้ว่า "ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่หรือยัง" อันเป็นการตอกย้ำถึงดีลลับฮ่องกง ระหว่าง "ทักษิณ-ธนาธร" ที่แกะไม่ออก

ส่วน "หัวหน้าเท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ปิดจบการอภิปราย ด้วยการฉายให้เห็นภาพดีลแลกประเทศด้วยข้อความตอนหนึ่งว่า

"ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปี หากจะให้พูดโดยสรุปแค่ 2 ประโยคว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย คือประโยคที่ว่า 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่าง เพื่อเอาคุณทักษิณ ชินวัตร ออกนอกประเทศ จะเกิดขึ้นจากใครนั้น คิดเอง แต่ 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง เพื่อเอา ทักษิณ ชินวัตร กลับมาในประเทศนี้" 

นั่นคือ ไฮไลท์บางส่วนจากการอภิปรายตลอดสองวัน ส่วนจะยังมีใครให้โอกาสนายกฯ อิ๊งค์ ได้พิสูจน์ความสามารถในการทำงานต่ออีกหรือไม่ คงตัดสินจากเสียงไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจของสภาไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียงพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องไปในทางเดียวกัน เนื่องจากยังต้องอยู่เป็นรัฐบาลร่วมกันต่อไป

ไม่ว่าจะอยู่กันอย่างทุลักทุเลขนาดไหน

ต้องประคองกันไป แม้อาจจะไม่ถึงกับครบวาระ แต่ก็คงอยู่กันไปให้ได้นานที่สุด เพราะต่างไม่พร้อมจะแตกหัก จึงยังต้องอาศัยกันและกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้นั่นแหล่ะ

จบศึกซักฟอกแล้ว แม้ด้านหนึ่งจะเห็นความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล จากการลุกขึ้นชี้แจงของรัฐมนตรีหลายคน โดยเฉพาะ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ที่ถึงกับมีคำสร้อยต่อท้ายการชี้แจงว่า "แพทองธารสู้ๆ" 

ทว่าอีกด้าน หากมองผ่านประเด็น โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ บนที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ที่ถูกนำมาอภิปราย และกลายเป็นฝาแฝดกับ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต ที่ตกเป็นข่าวครึกโครมก่อนหน้านี้ นั้น

นับว่าไม่ธรรมดาที่มีการนำเรื่องนี้มาอภิปรายนายกฯ อิ๊งค์

ต่อจากนี้ไปการอยู่ร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลในรัฐนาวา "อิ๊งค์" คงอารมณ์เดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ที่ว่า "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราก็รบกันเอง"

ไม่เพียงเรื่องรีสอร์ตคู่ฝาแฝด ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง ยังมีที่ธรณีสงฆ์อัลไพน์ ที่ดินรถไฟเขากระโดง คดีฮั้วเลือกสว.ไปจนถึงการต่อสัญญา Moto Gp ที่สองพรรคใหญ่ "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย" คงต้องคุยกันอยู่เรื่อย ๆ 

วันนี้อุ้มนายกฯ อิ๊งค์ ผ่านศึกซักฟอกแล้ว ก็ได้เวลากลับมาขบเหลี่ยมกันต่อ จนกว่าจะเดินแยกจากกันไปข้างหนึ่ง ในขณะที่ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคส้ม กับพรรคเพื่อไทย ก็คงกลับมาสานสัมพันธ์กันต่อ เพื่อไปสู่เป้าหมายร่วมกันหลังการเลือกตั้งทั่วไปปี 2570

นี่แหล่ะการเมืองไทยหลังซักฟอกจบแล้ว แต่ทุกฝ่ายยังต้องกลับมารบตบจูบกันต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์