ใครที่จะรอดู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ Gen Y แพทองธาร ชินวัตร ในช่วงปลายเดือนนี้ คงต้องเผื่อใจกันเอาไว้เยอะ ๆ หน่อย
เพราะตรวจเชคสภาพเข้าไปใน พปชร.แล้ว ไม่ได้มีความฮึกเหิม อย่างที่ปรากฎเป็นข่าวบนหน้าสื่อ
อาจจะด้วยความที่ "ลุงป้อม" มีภาพของพี่่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่ยังติดตัวมาจนถึงวันนี้ บวกกับแรงส่งที่เพิ่งไปออกโทรทัศน์รายการใหญ่มา ซึ่งได้รับการตอบรับจากคนดูเป็นอย่างดี และเก็บแต้มมาได้ไม่น้อย
เมื่อมีคำประกาศดังกล่าวออกมา จึงทำให้คอการเมืองเกิดอาการตะลึงพึงเพริศ แถมมีนักวิเคราะห์บางรายนำไปต่อภาพอีกยกใหญ่ว่า นี่คือ การรีแบรนด์ เตรียมกลับมาแจ้งเกิดทางการเมืองอีกครั้ง เพื่อคว้า "ครุฑตัวที่สอง" ของลุงป้อม
ฟังดูก็เป็นเหตุเป็นผลอยู่บ้าง เพราะในห้วงเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ลุงป้อมถูกรุกทางการเมืองอย่างหนัก แทบจะไม่หลงเหลือความเป็นจ้าวป่าอยู่ในตัว แม้แต่อาณาจักรบ้านป่าที่เคยใหญ่โต ก็กลายสภาพไม่ต่างจากป่าเสื่อมโทรม
พปชร.ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล แต่เมื่อมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ คนใหม่ ก็ถูกปรับออกแบบไม่ใยดี จนต้องมารับบทฝ่ายค้านจำเป็นอยู่ทุกวันนี้
แต่ก่อนถูกเขี่ยออกมาเป็นฝ่ายค้าน ก็มีสัญญาณชัด ๆ ให้เห็นอยู่หลายครั้งจากปากของ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่การพูดถึงการเมืองที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะ "คนที่มีบ้านอยู่ในป่า" และในเวลาต่อมายังพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับลุงป้อม
บางเรื่องเหมือนลากลุงป้อมมาตบประจานกลางสี่แยกไฟแดงด้วยซ้ำ
สุดท้ายแม้แต่คนที่ไว้ใจใกล้ชิด ให้ความเมตตาดูแลไม่ต่างกับลูกรัก-น้องเลิฟคนหนึ่งอย่าง "ผู้กอง" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังตีจากไปอยู่กับอีกฝ่าย แถมสร้างสตอรี่ชนิดขยี้กล่องดวงใจ ให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกต่างหาก
ทั้งหมดน่าจะมีเหตุผลพอ หากจะมองว่า ลุงป้อมซึ่งอยู่กับการเมืองมาตลอด 20 ปี รู้ตื้นลึกหนาบาง ใครไปทำอะไรไว้ที่ไหนบ้าง เรื่องราวชนิดลับสุดยอดย่อมอยู่ในหัวหมด อย่าว่าแต่สนามกอล์ฟอัลไพน์ หรือเอ็มโอยู44 แม้แต่เรื่อง "ป่วยทิพย์" ชั้น 14 ของนักโทษเทวดา
กว่าจะกลับมาเมืองไทยเป็น ส.ท.ร.ทุกวันนี้ได้
ทุกเรื่องลุงป้อมย่อมรับรู้ด้วยทั้งหมด ยิ่งก่อนหน้าจะลงเอยจนกลับประเทศไทยได้ ยังมี "ดีลลับ" ที่ติดต่อผ่านทั้งหน้าบ้าน หลังบ้านอีกหลายรอบ หากลุงป้อมจะเอาคืนแบบทบต้นทบดอก เหมือนที่ "เสี่ยหนู-อนุทิน" จดชื่อใครใส่บัญชีไว้
รับรองงานนี้ ถ้าลุงป้อมเรียบเรียงเนื้อหาให้ดี เหมือนกับที่ไปซ้อมหนึ่งสัปดาห์ก่อนออกรายการโทรทัศน์วันก่อน ตรงนี้ใช้เวลาแค่ 5-7 นาที แฉกันจะจะกลางสภา ไส้มีกี่ขดลากออกมาให้หมด คงทำเอาการเมืองร้อนฉ่า สะเทือนเรือนลั่นแน่ ๆ
นั่นคือ คิดแบบขอไว้ลายเสือ ทวงคืนความเป็นจ้าวป่า หลังถูกหลู่เกียรติหยามศักดิ์ศรีนายพลมาเป็นเวลานาน
แต่คอการเมืองแนวซาดิสม์ คงต้องเผื่อใจไว้เยอะ ๆ อย่างที่บอกไว้ตอนต้น เพราะจับสัญญาณจากใน พปชร.แล้ว งานนี้มีเพียง ไพบูลย์ นิติตะวัน คนเดียวที่ออกมาให้ข่าวนี้ ทั้ง ๆ ที่มีหลายกลุ่มใน พปชร.ที่พร้อมจะแย่งซีนกันเมื่อมีข่าวใหญ่ของพรรค
ทว่าก๊กอื่น ๆ ต่างเก็บปากเงียบสนิทกันหมดแบบผิดวิสัย
การปล่อยให้ซามูไรกฎหมายอย่างไพบูลย์ ออกมาฉายเดี่ยวอยู่ลำพัง ก็เพราะหลายคนถอดรหัสคำพูดของลุงป้อมในที่ประชุม ซึ่งไพบูลย์เองก็เลี่ยงใช้คำว่า "พล.อ.ประวิตร มีดำริจะเป็นผู้ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ด้วย"
"ดำริ" ที่ว่าจึงเป็นเพียงคำพูดที่เปรยต่อที่ประชุม เมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งในที่ประชุมพูดถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พล.อ.ประวิตร น่าจะลุกขึ้นอภิปรายด้วย และเจ้าตัวก็เออออห่อหมกตาม จึงเป็นที่มาของดำริที่ว่านั้น
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ คนในพปชร.เองแท้ ๆ ยังมองว่า สิ่งที่กูรูวิเคราะห์กันใหญ่โตนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นมากกว่า คือ การจัดระเบียบแถวในพรรคกันใหม่ โดยเฉพาะในตำแหน่งหลัก ๆ ที่เหยียบตาปลากันอยู่ทุกวันนี้
โดยมีบางคนนอกจากทำเกมรุกทางการเมืองไม่เป็นแล้ว ยังสร้างปัญหา เผาสะพานทิ้งอยู่บ่อย ๆ จนแทบจะเชื่อมกับใครไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ใครที่เขียนภาพใหญ่ให้ลุงป้อมว่านี่คือ การทวงคืนศักดิ์ศรีเจ้าป่า
คงต้องไปหาปี๊บใบใหม่รอไว้ได้เลย!!