การไปขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.พรรคเพื่อไทย หาเสียงที่ จ.เชียงใหม่ ของ ‘พ่อเลี้ยงแม้ว’ ทักษิณ ชินวัตร ในระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคมที่ผ่านมา
ดูเหมือนจะถูกตั้งคำถามตามมาอย่างมาก โดยเฉพาะเนื้อหาถ้อยคำต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความเผ็ดร้อน ดุดัน เกินกว่าฐานะของผู้ช่วยหาเสียงธรรมดาทั่วไป ชนิดที่ ‘จ้างสิบแต่แสดงจริงเกินร้อย’
มีบางคนยังอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า คำพูดคำจาที่เหวี่ยงไปทั่ว ไม่เว้นประเทศเพื่อนบ้าน เมียนมา ว้าแดง กัมพูชา ถูกพาดพิงถึงหมด อย่างนี้จะเข้าข่ายการครอบงำ ชี้นำ สั่งการ ที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่
แต่บางคนก็มองข้ามเส้นแบ่งนั้นไปแล้ว
เพราะมาถึงขนาดนี้ คงไม่มีเส้นใดที่เป็นขอบเขตขัณฑสีมาทางการเมือง ไปจำกัดจำเขี่ยการกระทำของทักษิณได้อีก เหลืออยู่เส้นเดียวให้เดินและทักษิณเองก็ชื่นชอบ คือ ‘การเดินไต่บนเส้นลวด’ ชนิดที่หลุดพ้นจากความกลัวใด ๆ
อย่างที่เจ้าตัวได้ประกาศไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ถ้าใครจะร้องต้องร้องให้ดังๆ ซึ่งก็แคล้วคลาด ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า ‘หลวงพ่อแม้ว’ เขาขลังจริง ชนิดที่ไม่ได้โม้
ทีนี้มาถอดรหัสคำพูดของทักษิณ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอนาคตของรัฐบาลพ่อเลี้ยง แพทองธาร ชินวัตร ทิศทางในปี 2568 จะไปต่ออย่างไร จะอยู่รอดไปถึงปี 2569 หรือไม่
ทักษิณประกาศไว้บนเวทีปราศรัยที่ตลาดภูสุวรรณ ต.มะขามหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ในช่วงสาย ๆ ของวันที่ 24 ธันวาคม โดยปรายศรัยเป็นภาษาคำเมืองว่า
‘มีเวลาช่วยลูกสาวสองปี๋ป๋าย (สองปีกว่า) ไม่ต้องห่วงเรื่องยุบสภา ลิ้นกับฟันเป็นเรื่องธรรมดา ยังไงก็อยู่ครบเทอม มีเสถียรภาพเช่นนี้จะยุบสภาทำไม ใครจะออกมาเห่าหอนก็ปล่อยเขา เราทำงานอย่างเดียว ได้ยินเสียงนกเสียงกาพี่น้องก็เอาหูทวนลม อย่าไปสนใจ’
ตกบ่ายแก่ ๆ กลับมาที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยที่บ้านเกิด ทักษิณให้สัมภาษณ์นักข่าว ตอกย้ำถึง
การเมืองปี 2568 ว่า ไม่มีอะไร ยังเหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนเดิม การที่ไม่เห็นด้วยกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา
‘เหมือนลิ้นกับฟัน อย่างไรก็ต้องอยู่ด้วยกันจนจบ’
แถมตอบคำถามนำจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ว่า
‘ต้องครบ ถ้าไม่ครบก็เหลืออีก 3-4 วัน อะไรประมาณนี้มั้ง’
คำตอบหลังสุด เป็นเรื่องเทคนิคทางการเมือง ที่แม้จะอยู่ครบเทอม แต่ก็จะไม่อยู่แบบเต็มแม็ก จะได้ไม่มีปัญหาข้อกฎหมาย เปิดช่องให้นักการเมืองย้ายพรรคไปอยู่บ้านหลังใหม่ได้ทัน
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 97 (3) กำหนดให้ผู้สมัครสส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน เว้นแต่ในกรณีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ให้สังกัดพรรคเหลือ 30 วัน นับจนถึงวันเลือกตั้ง
จึงต้องชิงยุบสภาก่อนครบวาระ 3-4 วัน อย่างที่ว่าไว้ เพื่อ ‘ปล่อยผี’ ให้นักการเมืองย้ายพรรคได้
กลับมาถอดรหัสคำพูดทักษิณเรื่อง ‘ลิ้นกับฟัน’ กันต่อ ถือเป็นคำพูดที่ผ่อนคลาย แถมย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนเดิมและจะอยู่ด้วยกันจนจบ ซึ่งต่างจากอารมณ์ฉุนเฉียวในวงสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ตอนนั้น ถึงกับออกปากไล่พรรคร่วมรัฐบาลที่ทำตัวเป็น ‘อีแอบ’ ไม่มีความเป็นเลือดสุพรรณฯ ไปให้พ้น ๆ
ทำไมถึงปรับโทนอารมณ์ลงได้รวดเร็วปานนั้น คงไม่ใช่เพราะอากาศชายทะเลหัวหิน กับที่เชียงใหม่อุณหภูมิถี่ห่างไม่เท่ากันหรอก แต่ฟังมาว่าก่อนบินไป จ.เชียงใหม่ ทุกอย่างมันได้จบลงก่อนไปตีกอล์ฟในช่วงวันหยุดแล้ว
โดยมีใครบางคนแอบไป ‘มอบตัว’ ยอมสวามิภักดิ์ ขอเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ แต่ขอเป็นผู้ร้ายปากแข็งต่ออีก 2-3 วัน
ด้วยเหตุนี้กระมัง อารมณ์จากฉุนเฉียว จึงได้ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศหน้าหนาวของภาคเหนือ และจะอยู่เป็นรัฐบาลด้วยกันจนจบ ดังนั้น ต่อจากนี้ก็จะเหลือแต่บทกร้าวกับคนนอกรัฐบาล โดยเฉพาะบรรดาขาประจำทั้งหลาย ตามที่ประกาศไว้
‘คิงเล่นฮา ฮาก็จะเล่นคิง และเดี๋ยวนี้ฮาไม่หมูนะ คิงอย่ามาเล่นกะฮานะ รำคาญโคตรพ่อโคตรแม่ อะไรนักหนา’
อารมณ์เหล่านี้ ก็จะพุ่งเข้าใส่คนที่อยู่นอกรัฐบาลแทน แต่การเมืองเปลี่ยนได้ตลอด สภายังมีเวลาเหลืออีกตั้งสองปีกว่า ดังนั้น อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้
ต่อจากนี้บรรดาวิสัยทัศน์ทั้งหลายที่ขายฝันไว้ ถึงเวลาตรวจการบ้านจะทำได้จริงขนาดไหน อีกทั้ง ภาวะผู้นำนายกฯ อิ๊งค์ ที่ยังขาดมากกว่าเกิน จะเติมเต็มกันอย่างไร
ไม่นับรวมระเบิดเวลาอีกหลายลูกที่รอถอดชนวนอยู่ ทั้ง MOU44 สถานบันเทิงครบวงจร ไปจนถึงเรื่องปากท้อง ปัญหา เศรษฐกิจ หนี้สินที่รุมเร้าพะรุงพะรัง ชักหน้าไม่ถึงหลัง จะหาทางออกกันอย่างไร
ลีลาเสียงดังของทักษิณ ที่นับวันจะยิ่งดังเพิ่มมากขึ้น ต้องรอพิสูจน์จากฝีมือการทำงานของรัฐบาลพ่อเลี้ยงต่อจากนี้ว่า สุดท้ายจะดังแต่ท่อล้อไม่หมุนหรือเปล่า?!
