ค่ำวันพรุ่งนี้ พุธที่ 18 ธันวาคม พรรคร่วมฝ่ายค้าน นัดหมายรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเป็นครั้งแรก ที่ร้านชื่อเอิกเกริก อยู่ใกล้ ๆ อาคารรัฐสภา แต่ดูทรงแล้วบรรยากาศคงไม่คึกคักเหมือนชื่อร้าน เพราะ ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แจ้งมาแล้วจะไม่ไปร่วมด้วย แต่จะส่งตัวแทนไป
ไม่รู้เป็นเพราะยังทำใจไม่ได้กับคำว่า ‘มีลุงไม่มีเรา’ หรือเปล่า
แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะมีลุงหรือไม่มีลุง ฝ่ายค้านที่มีพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นหัวขบวน ก็คงมาล้อมวงดินเนอร์กันเย็นวันพรุ่งนี้ เพื่อกำหนดวาระการทำงานในสภาร่วมกันหลังผ่านเข้าสู่ปีที่ 2/2
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้า ปชน.ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ประกาศไว้ในวันเดียวกับการแถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาลอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา
การตัดสินใจยื่นซักฟอกรัฐบาลของฝ่ายค้านในครั้งนี้ นับว่าช้าไปด้วยซ้ำ เพราะปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึงสมัยประชุมปีที่ 2/2 และมีนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 2 คน
ต่างจากการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาชุดที่แล้ว สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ก่อนจะถูกยุบมาเป็นพรรคก้าวไกล ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที ตั้งแต่เปิดประชุมสมัยแรก
ตอนนั้น ทั้งร้อนวิชาเพราะได้เข้าสภากันเป็นครั้งแรก และเกรงจะเสียสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ยื่นอภิปรายได้ปีละครั้ง
แต่พอมาถึงสภาชุดนี้ จะด้วยเหตุสถานการณ์ไม่เป็นใจหรืออย่างไร จึงทำให้การทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุกของ ปชน.ยังขาด ๆ เกิน ๆ รุกได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ตรวจสอบผ่านกลไกสำคัญ คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
แถมในบางครั้งบางคราวดูค่อนไปทางเป็นลูกไล่ให้รัฐบาลด้วยซ้ำ!!
ไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือแม้แต่การแก้ไขกฎหมายประชามติ ที่เห็นด้วยกับการใช้เสียงข้างมากปกติแบบชั้นเดียว คงเป็นเพราะเคยผลักดันเรื่องเหล่านี้มากับเพื่อไทย สมัยที่อยู่เป็นฝ่ายค้านร่วมกัน
ถ้าคิดได้แบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ แต่บังเอิญมีเรื่องพบปะกันที่ฮ่องกง ของสองผู้นำจิตวิญญาณ ‘ทักษิณ-ธนาธร’ ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก จึงทำให้เกิดครหาตามมาตลอด เรื่องแอบมีใจให้กัน แม้จะยืนอยู่คนละฝั่ง ทำให้หลายครั้งที่ฝ่ายค้านเชิงรุกอย่าง ปชน.ถูกตั้งคำถามเรื่องชกไม่เต็มหมัด
แต่เมื่อมีเหตุผลอื่นประกอบด้วย เช่น การถูกยุบพรรคต่อเนื่องกันสองพรรคในเวลาไม่ถึง 4 ปี มีบุคคลากรถูกตัดสิทธิ์ไปจำนวนมาก ซึ่งล้วนแต่เป็นมวยหลักทั้งสิ้น การสร้างคนรุ่นใหม่ในแถว 3-4 จึงโตไม่ทันมารับไม้ต่อ
ด้วยเหตุผลที่ว่า จึงทำให้เป็นปัญหาการเคลื่อนงานในสภาระยะหลังของพรรคสีส้ม ที่เป็นไปแบบกระท่อนกระแท่น ขาดความแหลมคม ก็เพราะมีตัวผู้เล่นหลักเหลืออยู่ไม่กี่คน
"สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราเตรียมตัวไว้ค่อนข้างดีแล้ว ตามกรอบที่วางไว้ คือภายในไตรมาสแรกของปี 68 ยืนยันว่าจะมีการยื่นญัตติแน่นอน"
‘เท้ง-ทั่วไทย’ ประกาศจองกฐินล่วงหน้าเอาไว้ก่อนทันที หลังการแถลงผลงานรอบสามเดือนของนายกฯ อิ๊งค์
โดยสมัยประชุมนี้จะไปสิ้นสุดในวันที่ 10 เมษายน 2568 ดังนั้น การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของ ปชน.ต้องอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เพราะหากยาวไปถึงเดือนเมษายนจะเกินไตรมาสแรก แต่คงไม่ใช่เดือนมกราคมแน่ เพราะเร็วเกินไป
อีกทั้ง เดือนมกราคม ประธานฯ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ล็อกวันประชุมร่วมสองสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ ที่ตอนนี้มีบรรจุอยู่ในระเบียบวาระมากถึง 20 ฉบับ และอาจมีการเสนอเพิ่มอีก จึงไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง
ทีนี้คำถามคือ ประเด็นที่จะนำมาซักฟอกรัฐบาล ไม่ว่าจะอภิปรายเป็นรายบุคคลแบบเน้น ๆ ที่ตามข่าวอาจจะนวดเฉพาะ 3 เป้าใหญ่ คือ นายกรัฐมนตรี กับสองรองนายกฯ ที่ควบเก้าอี้กลาโหมและกระทรวงการคลัง ‘อ้วน-ภูมิธรรม’ กับ ‘พิชัย ชุณหวชิระ’ หรือจะหว่านแหไม่ไว้วางใจทั้งคณะ
คงขึ้นอยู่กับฝ่ายค้านจะมีข้อมูลหรือหมัดเด็ดอะไรมาอภิปราย
เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีฝ่ายค้านชุดไหนล้มรัฐบาลได้ด้วยเสียงโหวตในสภา มีแต่ข้อมูลเท่านั้น ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในครม.หลังการอภิปรายได้ โดยให้สังคมเป็นคนตัดสิน
ส่วนจะมีประเด็นไหนนำมาอภิปรายได้บ้างนั้น เบื้องต้นเท่าที่เห็นก็มีเรื่องคุกทิพย์ ที่ป.ป.ช.รับไต่สวน 12 เจ้าหน้าที่รัฐ เรื่องเขากระโดง การแจกเงินหมื่นไม่ตรงปก MOU44 ที่รื้อฟื้นขึ้นมาทำใหม่ และการเข้ามาจุ้นการบริหารงานรัฐบาลเกินงามของ ทักษิณ ชินวัตร
แต่ทั้งหมดที่ว่ามา ล้วนเป็นข้อมูลที่สังคมรับรู้กันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ทำให้ช็อคตลาดได้ จึงไม่แน่ใจการจองกฐินซักฟอกรัฐบาลหนนี้ของ ปชน.หวังผลเลิศขนาดไหน
แค่หาเวทีลับฝีปากให้ลูกพรรคได้ซ้อมใหญ่ หลังจัดทัพในพรรคเสร็จ หรือจะมีไม้เด็ดอะไรที่มากกว่านั้น
รอดูฝีปากพลพรรคสีส้มภายใต้การนำของหัวหน้า ‘เท้ง’ จะปั่นโปรไฟล์ขึ้นเทียบชั้น 3 หัวหน้าในอดีต ‘ธนาธร-พิธา-ชัยธวัช’ ได้หรือไม่?