นับถอยหลัง รัฐบาลยุค ส.ท.ร.?!

11 เม.ย. 2568 - 04:05

  • ร่าง พ.ร.บ.กาสิโน ทำให้ภาพการเมืองไทยชัดเจนขึ้น

  • ปรากฏการณ์พรรคร่วมรัฐบาลลุกขึ้นค้านกลางสภา

  • เหมือนเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างหลังจากนี้หรือไม่

2025 SPB Deep Space-SPACEBAR-Hero.jpg

ทันทีที่สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปิดสมัยประชุมปีที่ 2/2 ลงในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 และจะกลับมาเปิดประชุมอีกครั้งในช่วงกลางปี วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม - 30 ตุลาคม 2568 อันเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 3

นั่นเท่ากับว่า สภาชุดนี้ได้เดินทางผ่านมาถึงครึ่งทางแล้ว

ในทางการเมือง สำหรับครึ่งทางหลังอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ เพราะรัฐบาลได้ผ่านการอยู่ร่วมกันมาระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องมีการ**‘กระทบกระทั่ง’**กันบ้าง ทั้งเห็นด้วย เห็นต่าง เป็นธรรมดา และล่าสุดได้เห็นความแปลกแยกเหล่านั้น ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะเรื่องหลังสุด การประกาศความเป็น ‘ลูกพ่อเนวิน’ ของ ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่แม้ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ จะทำไขสือหรือแกล้งไม่เข้าใจว่า ‘กำลังจะบอกอะไร’ ก็ตาม

หากจะบอกให้เอาบุญ เดาว่าไชยชนก คงต้องการสื่อให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังจะพูดนั้น ไม่ใช่ผิดคิวหรือพูดในฐานะส่วนตัวอย่างที่ ‘อาหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาแสดงความ  นอบน้อมและขอโทษนายกรัฐมนตรี

แต่มันเป็นคำพูดของคนที่เป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และหากจะทึกทักเอาว่าเป็นการพูดแทนพ่อเนวิน ก็คงไม่ผิดนัก ทั้งยังเป็นคำพูดท้าทายคำขู่ของผู้นำรัฐบาลตัวจริง ที่คาดโทษพรรคร่วมรัฐบาลไว้ หากใครแตกแถวไม่โหวตรับร่างกฎหมายกาสิโน จะถูกขับออกจากรัฐนาวา

จึงประกาศดัง ๆ ฉีกหน้ากันกลางสภาเสียเลยว่า ‘ไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน’

‘เสี่ยหนู-อนุทิน’ แม้จะทำหน้าที่กันชนจนเกินงาม เพราะนอกจากไม่รักษาทรงพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังแต่งตัวเป็นหัวขบวนปีกอนุรักษ์แล้ว ยังไม่รักษาภาพความเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ของทายาทตระกูลชิดชอบ แถมยัดเยียดความเป็น ‘ละอ่อนทางการเมือง’ ให้กับไชยชนก เป็นมะม่วงจำบ่มไปอีกคน

แต่เอาเถอะ งานนี้ไม่ว่า ‘ครูใหญ่-เนวิน’ กับอนุทิน ที่มีความคุ้นเคยสนิทสนมถึงขั้นเตะตูดกันได้ จะรู้เห็นประเภทตีสองหน้ากันหรือไม่ก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลระหว่าง ‘ภูมิใจไทย-เพื่อไทย’ คงเป็นแก้วที่ร้าวแล้วร้าวอีก

ไม่นานก็คงจะแตก!!

ล่าสุดคนในพรรคเพื่อ ‘อดิศร เพียงเกษ’ อดีตรัฐมนตรีหมอแคน ออกมาเขียนกลอนไล่พรรคภูมิใจไทย ‘ไม่อยากร่วม รัฐบาล ก็ออกไป’ และคงจะมีตามมาอีกหลายคน เพราะสองพรรคนี้มีพื้นที่การเมืองทับซ้อนกันอยู่ในภาคอีสาน จึงอาจได้เห็น ‘ปฏิบัติการไล่หนู’ ตามมาอีกรอบในเร็วๆ นี้

ส่วนรัฐบาล ‘พ่อ-ลูก’ ส.ท.ร.จะอยู่หรือไปอย่างไร คงต้องอาศัยจังหวะในช่วงสองเดือนต่อจากนี้ จัดระเบียบภายในกันเสียใหม่ ซึ่ง ทักษิณ ชินวัตร ได้ส่งสัญญาณเอาไว้ในวันเปิดให้คนในพรรคเพื่อไทยรดน้ำขอพรวันก่อน 

‘เชื่อว่าหลังสงกรานต์ จะล้างสิ่งไม่ดีออกจากพรรคและรัฐบาล..ผมเชื่อว่า หลังสงกรานต์ไปแล้ว อีกไม่กี่เดือนบ้านเมืองจะค่อยคลี่คลาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง’

การสื่อสารที่ว่าของทักษิณ น่าจะหมายถึงการปรับครม.มากกว่า เพราะเลยวงรอบที่ต้องปรับมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งยังส่งสัญญาณถึงการเลือกตั้งใหม่เอาไว้จะมีขึ้นในปี 2570 ไม่ใช่ปีหน้า ‘อย่าฟังคนปั่นกระแส ให้ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป’

แต่ในทางการเมืองคงไปคาดการณ์อะไรล่วงหน้าไว้นานไม่ได้ เพราะครั้งหนึ่ง ทักษิณเคยประกาศจะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ นานถึง 20 ปีมาแล้ว จากนั้น ก็อยู่ต่อได้อีกไม่นาน

เช่นเดียวกับการพูดในหนนี้ ณ เวลานั้น ยังไม่มีเรื่องการเลื่อนร่างกฎหมายกาสิโนออกไปสมัยประชุมหน้า และเรื่องของไชยชนก ‘ลูกพ่อเนวิน’ เกิดขึ้น

ดังนั้น ห้วงเวลาต่อจากนี้ จึงเป็นช่วงการนับถอยหลังรัฐบาล ‘อิ๊งค์’ และ ส.ท.ร. ส่วนจะอยู่หรือไปแบบไหน คงขึ้นอยู่กับความพร้อมของพรรคเพื่อไทยว่า ยังมีความจำเป็นต้องอาศัยพรรคภูมิใจไทยต่อไปอีกหรือไม่ หรือถ้าไม่มีภูมิใจไทย จะหาเสียงที่ไหนมาแทนในส่วนที่ขาด

ที่สำคัญจะทำงานร่วมกับวุฒิสภา ซึ่งเป็น ‘สภาสีน้ำเงิน’ กันอย่างไร?

ทั้งหมดเป็นโจทย์ยาก ที่พรรคเพื่อไทยต้องนำไปขบคิด หากยังต้องการอยู่เป็นรัฐบาลบริหารประเทศยาวไปจนถึงปี 2570 ยกเว้น ‘หมูไป ไก่มา’ ยื่นหมู ยื่นแมว กันจนหมดเล้า ไม่มีอะไรให้แลกกันอีก ก็แตกหัก ปรับภูมิใจไทยออก อยู่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยไป 

‘ยุบสภา’ เข้าสู่การเลือกตั้งใหม่ก็เท่านั้น

เมื่อบรรยากาศการเมืองเป็นแบบนี้ อย่าว่าแต่กฎหมายกาสิโน ที่คงเลื่อนไปแบบยาว ๆ เหมือนเอ็มโอยู44 กฎหมายสำคัญอื่นๆ ที่เข้าคิวรออยู่ ทั้งนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ คงต้องลืมกันไปเลย

หรือแม้แต่ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่แช่แข็งไว้ 180 วัน ไม่รู้กลับเข้าสภาอีกครั้งผลจะออกมาเป็นอย่างไร?

เอาเป็นว่า ถ้ารอมชอมกันได้ก็อยู่ด้วยกันไป หากวันใดประสานประโยชน์กันไม่ลงตัว ไปด้วยกันไม่ได้ ก็ต้องแยกจากกันไปก็เท่านั้น แต่จับสัญญาณจากค่ายเขากระโดงแล้ว หนนี้คงจะชิงลงมือก่อน เพื่อ ‘ปั้นลูกชาย’ ขึ้นมานำพรรคสีน้ำเงิน ไม่ใช่ละอ่อนการเมืองอย่างที่ ‘อาหนู’ ย่ำยีตลอดสองวันที่ผ่านมา

ตรงนี้จะเป็นบทสรุปว่า คำพูดไม่เอากาสิโนในสภาวันก่อน ไม่ใช่ผิดคิว ไม่ได้เป็นความเห็นส่วนตัว

นี่แหล่ะการเมืองช่วงครึ่งเทอมหลังของอายุสภา ที่เป็นการนับถอยหลังรัฐบาล ส.ท.ร.!!

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์