การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารจังหวัด หรือนายก อบจ.ทั่วประเทศ ที่จะมีขึ้นพร้อมกัน 47 จังหวัด ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ มีหลายสนามที่คนของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย โคจรมาเจอกันแบบตั้งใจมาชนกันเต็ม ๆ
แม้อีกฝ่ายจะเลี่ยงไม่ใส่เสื้อพรรคลงสมัคร แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเที่ยวนี้ ‘แดง-น้ำเงิน’ ดับเครื่องชนกันหลายสนาม โดยเฉพาะที่เชียงราย นครพนม บึงกาฬ ศรีสะเกษ ถือเป็นสนามชนช้าง ที่สีน้ำเงินแชมป์เก่า ประกาศแพ้ไม่ได้ทั้ง 4 แห่ง
โดยเริ่มจากภาคเหนือ จ.เชียงราย ที่ ทักษิณ ชินวัตร เพิ่งไปสร้างปรากฎการณ์ปราศรัยวันเดียว 3 เวทีรวด และเป็นข่าวดังไปถึงกาฬทวีป เพราะดันไปบูลลี่สาวแอฟริกาแบบไม่ตั้งใจ จนงานเข้า
สนามนี้ อทิตาธร วันไชยธนวงค์ แชมป์เก่าจากพรรคสีน้ำเงิน ลงสมัครในนามอิสระ ขายความเป็นอิสระไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่เป็นที่รู้กันว่าตระกูลวันไชยธนวงศ์ คือบ้านใหญ่ของภูมิใจไทย ที่ จ.เชียงราย ชนกับ สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยา ‘ยุทธ-ตู้เย็น’ ผู้สมัครเพื่อไทย
งานนี้ทักษิณ ต้องใช้เวลากล่อมอยู่นาน วิสาร เตชะธีรวัฒน์ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ถึงยอมเปิดทางให้
สนามถัดไป จ.ศรีสะเกษ วิชิต ไตรสรณกุล อดีตแชมป์ 6 สมัย พ่อของ ‘กวาง’ ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นกำลังหลักของพรรคภูมิใจไทย ลงในนามกลุ่มคนท้องถิ่น สู้กับอดีตสส.วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครเพื่อไทย
ส่วนที่ จ.นครพนม ศุภพานี โพธิ์สุ ลูกสาว ‘สหายแสง’ ศุภชัย โพธิ์สุ แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นแชมป์เก่า ลงสมัครในนามทีมนครพนมร่วมใจ ชนกับ อนุชิต หงษาดี ผู้สมัครเพื่อไทย เด็กปั้นของ มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม
นครพนม เป็นอีกสนามที่เพื่อไทยทุ่มทุนสร้าง โดยวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคมนี้ นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะไปเปิดเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้ 3 เวทีรวด ถัดไปอีก 5 วัน ทักษิณ ชินวัตร จะไปขึ้นเวทีปราศรัยย้ำให้อีกรอบ ในวันเสาร์ที่ 18 มกราคม
เห็น ‘พ่อ-ลูก’ จัดคิวไปถล่มแบบนี้ ‘สหายแสง-ศุภชัย’ ถึงกับตัดพ้อออกมาดัง ๆ ว่าทำไมทำกันขนาดนี้
สุดท้ายที่ จ.บึงกาฬ แว่นฟ้า ทองศรี ศรีภรรรยาของ มท.2 ทรงศักดิ์ ทองศรี ลงสมัครในนามกลุ่มฅนบึงกาฬ ซึ่งเป็นการป้องกันแชมป์อีกเหมือนกัน แข่งกับ ว่าที่ร้อยตรี ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ผู้สมัครเพื่อไทย
สนามหลังสุดนี้ เพื่อไทยไม่ได้ยกทัพหลวงไปช่วยหาเสียง เพราะเป็นการวางยุทธศาสตร์ของมนพร ‘แม่ทัพหญิง’ ที่ส่งคนลงแข่งกับแชมป์เก่า เพื่อต้องการตรึง มท.2 ให้อยู่ในพื้นที่ ไม่ให้ออกมาช่วยลูกสาวสหายแสง ที่จ.นครพนม ก็เท่านั้น
ทีนี้จะเห็นได้ว่า กลศึกของค่ายสีน้ำเงินเที่ยวนี้ ให้ทุกคนลงสมัครกันเองโดยที่ไม่ได้ใช้ชื่อพรรค และพรรคก็ไม่ได้ยกทัพหลวง แห่แหน แตร๋นแต๋นแต้กันไปช่วยหาเสียงให้เอิกเกริก เหมือนกับพรรคเพื่อไทย ที่เปิดหน้าชกเต็มที่
แถมเพื่อไทยยังประกาศก้องไปทั่วพารา เที่ยวนี้ต้องทวงคืนอบจ.สีน้ำเงินให้ได้
ในทางการเมืองเป็นที่รู้กันว่า ทักษิณยอมทุ่มสุดตัวกับศึกเลือกตั้งนายก อบจ.หนนี้มีเป้าหมายในการปูทางไปสู่การเลือกตั้งสนามใหญ่ ที่ต้องการทวงแชมป์เลือกตั้งคืนและต้องทำให้ได้ไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่ง ในขณะที่ปฏิบัติการทวงคืนอบจ.สีน้ำเงิน ก็ถือโอกาสสางแค้นลูกน้องเก่าที่แปรพักตร์ไปในตัวด้วย
ถึงขนาดเรียก 7 สส.ศรีสะเกษ มาคาดโทษใครขืนเอาเท้าราน้ำเที่ยวหน้าจะไม่ส่งลงสมัคร
ด้านพรรคสีน้ำเงิน การที่เลี่ยงไม่ปะทะ ไม่ใช่เพราะต้องการรักษาความเป็นกลางในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย เพราะในเมื่อคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ยังไปขึ้นเวทีช่วยหาเสียงในนามหัวหน้าพรรคได้ แล้วทำไม ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล จะใช้สถานะเดียวกันไปช่วยลูกพรรคหาเสียงบ้างไม่ได้
แต่ในทางกลับกัน อนุทินกลับเลือกออกคำสั่งให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย วางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ แถมกำชับให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
อารมณ์เดียวกับการเลือกสว.ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย ก็ออกประกาศซ้ำ ๆ ไม่ต่ำกว่าสองหน ห้ามกรรมการบริหารพรรค สส.และสมาชิกพรรค ไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกสว.ในทุกระดับโดยเด็ดขาดเช่นกัน
แล้วผลการเลือกสว.ก็ออกมาดังที่ทราบกันนั่นแหล่ะ
การเลือกตั้งนายกอบจ.ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลายคนเห็นการพับสนามเล่นของทักษิณและเพื่อไทย ในขณะที่ภูมิใจไทยไม่ขยับ ไม่กล้าแม้จะให้สวมเสื้อพรรคลงสมัครด้วยซ้ำ
แบบนี้พรรคสีน้ำเงิน คงยอมหมอบราบคาบแก้วไปแล้วแหง ๆ
หากจะด่วนสรุปอย่างที่ว่า อาจจะเร็วเกินไป เพราะกลศึกในตำราพิชัยสงครามซุนวู มีหลายรูปแบบ บางครั้งชัยชนะที่ได้มา ก็ไม่จำเป็นต้องออกรบเสมอด้วยทุกครั้งไป
งานนี้ให้รอดูผลการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะรู้ว่าพรรคสีน้ำเงินหมอบหรือไม่หมอบ?!