หลัง สส.ชลบุรี เขต 6 กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ประกาศยุติบทบาทการเมืองกับพรรคประชาชน และเตรียมย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ พรรคกล้าธรรม ภายใต้สารพัดเหตุผลที่่นำมาอธิบายแบบทิ้งบอมบ์ ไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคได้
จึงขอให้ขับออกตามที่ได้ยื่นหนังสือไว้
ในขณะที่หัวหน้าพรรคประชาชน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พร้อมแกนนำพรรคส้ม ออกมาแถลงโต้ ยืนยันจะไม่มีการขับออก แต่จะหาความชัดเจนทางกฎหมายแทน เพราะเห็นว่าหนังสือที่ยื่นมานั้น แสดงเจตจำนงไว้ชัดต้องการลาออกจากสมาชิกพรรค
"เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย พรรคจะยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตีความว่า หนังสือดังกล่าวถือเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการและรอหน่วยงานออกคำชี้แจง และหากผลตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็นการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็จะมีมาตรการลงโทษคือไม่มีมติขับออก ทำให้เขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการคือการย้ายไปยังพรรคการเมืองอื่น"
"การขับออก ณ ตอนนี้ สำหรับพวกเราเองมองว่า ไม่ได้เป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นทางเลือกสำรองในกรณีที่ถูกตีความว่าหนังสือฉบับนี้ไม่ได้เป็นการลาออกจากสมาชิกพรรค ก็คือการดองงูเห่าเท่านั้น"
หัวหน้า "เท้ง-ณัฐพงษ์" ปิดประตูลั่นดาล ไม่มีการอัปเปหิออกจากพรรคอย่างแน่นอน แถมจะดำเนินการทางวินัย ตัดสิทธิ์พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคทุกอย่าง
การประกาศหันหลังให้พรรคส้มของสส.ชลบุรี เขต 6 มองเผิน ๆ เหมือนไม่ส่งผลอะไรในทางการเมือง เพราะเป็นเพียงหนึ่งเสียงที่หายไป แต่หากมองเป็น 1 ใน 7 เสียง ของพรรคส้มใน จ.ชลบุรี และในจำนวน 17 เสียง ที่พรรคประชาชนมีอยู่ในภาคตะวันออก จาก สส.ทั้งภาค 29 เสียง
อาจเกิดเป็นแรงกระเพื่อมตามมา หากจะมีใครคนใดคนหนึ่งหรืออาจจะมีมากกว่านั้น ก้าวขาขยับตามออกมาอีก และไม่เฉพาะภาคตะวันออกเท่านั้น อาจจะมีในภาคอื่น ๆ ด้วย ตามข่าวที่มีกระเซ็นกระสายออกมา
ประมาณว่า เครื่องสูบไดเวอร์ ที่มีพลังดูดเกินห้ามใจของ "ผู้กอง" ถูกหันทิศทางไปที่ภาคตะวันออก
หากเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้น แน่นอนจะทำให้ส่งผลกระทบทางการเมืองกับพรรคประชาชนอย่างเลี่ยงไม่พ้น โดยเฉพาะในยามที่อยู่ในภาวะอ่อนแรง หลังถูกยุบพรรคเป็นครั้งที่สอง
วันนี้พรรคประชาชนภายใต้การนำของ "แม่ทัพเท้ง" ยังตั้งหลักไม่ได้ ผลิตผลงานไม่ออกทั้งในสภานอกสภา ล่าสุดยังพ่ายเลือกตั้งท้องถิ่นไปแบบยับเยิน ได้นายกเทศมนตรีเมืองมา 4 แห่ง เทศบาลตำบล 9 แห่ง รวมเป็น 13 แห่ง จากที่ส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกเทศบาลทั้ง 3 ระดับ รวม 97 แห่ง
ส่วนเทศบาลนครไม่ต้องพูดถึงแพ้ราบทั้งหมดที่ส่ง 15 แห่ง
จึงนับเป็นผลงานที่ไม่เข้าเป้านักของหัวหน้าเท้ง พอ ๆ กับในยุค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่โหมบุกการเมืองท้องถิ่นอย่างหนักในนามคณะก้าวหน้า ซึ่งก็แพ้ราบคาบเช่นกัน เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีลักษณะเฉพาะ แตกต่างจากการเมืองในระดับชาติ
แต่ด้วยความสด และยังมากด้วยบุคคลากรแถวสอง แถวสาม ความพ่ายแพ้ของธนาธรในครั้งนั้น จึงไม่ได้เป็นปัญหาใด ๆ ต่อพรรคส้ม ซึ่งบรรยากาศแตกต่างจากวันนี้ ที่พรรคส้มอยู่ในสภาพที่เริ่มอ่อนแรง และยังไม่รู้ว่าชะตากรรม 44 สส.พรรคส้มเดิมในมือป.ป.ช.ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
เพราะในจำนวนนั้น มี 25 คน เป็น สส.พรรคประชาชนอยู่ปัจจุบัน หากทั้งหมดต้องมีอันเป็นไป ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างนี้ จะยิ่งทำให้บุคคลากรของพรรคส้มร่อยหรอลง โดยเฉพาะแกนนำคนสำคัญจะหายไปอีกหลายคน
ถ้าวันนั้นมาถึง สถานการณ์พรรคส้มที่อ่อนแรง คงถึงคราต้องโรยรา แม้ไม่ถึงขั้นแพแตก แต่ก็คงไม่มีพลังมากพอไปเขย่าอะไรได้ ความเป็น "กรด" ของพรรคส้ม ที่เคยต้องใช้ด่างอย่าง "เพื่อไทย" มาเจือจาง ก็คงหมดความจำเป็น
วันนี้ของพรรคส้ม จึงอยู่ในสถานการณ์ที่โรยแรงเต็มที