ค่าโง่ที่ดินอัลไพน์ ใครต้องจ่าย?!

27 ม.ค. 2568 - 03:01

  • ธรณีสงฆ์ กฎหมายไม่อนุญาตให้นำไปจำหน่ายจ่ายโอนได้

  • มีกลุ่มนักการเมืองไปสมคบคิดกับวัดและมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย

  • ใครเป็นผู้เสียหายตัวจริง ที่สมควรได้รับการเยียวยา

politics-thailand-government-pay-alpine-land-SPACEBAR-Hero.jpg

หลัง ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ตัวจริง บ่นรำคาญเรื่องที่ธรณีสงฆ์ ผ่านมายี่สิบปีแล้วยังไม่จบไม่สิ้นเสียที จะเอายังไงก็ให้ว่ามา หากวัดจะเอาคืนก็ให้จ่ายค่าชดเชยมา ซึ่งคำนวณราคาไว้สูงลิ่ว 7.7 พันล้านบาท

ล่าสุด ‘มท.หนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่ไม่ใช่ ‘มหาดพม่า’ บอกอย่าไปไกลถึงขนาดนั้น และไม่รู้ไม่เห็นว่าตัวเลข 7.7 พันล้านบาทนั้น ใครไปเอามาจากไหน

เอาเป็นว่ากว่าจะต้องจ่ายชดเชยค่าเสียหายกันจริง ก็ต้องรอให้มีคำสั่งศาลออกมาก่อนนั่นแหล่ะ ‘ต้องรอ 3 ศาลนู่น ยังอีกนาน พวกผมไม่อยู่แล้ว’ มท.หนูว่าอย่างนั้น

วันก่อนคุยกับนักวิชาการด้านกฎหมาย รศ.ดร.เจษฎ์ โทณวณิก ประธานหลักสูตรนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ให้มุมมองเรื่องค่าโง่อัลไพน์เอาไว้ว่า หากต้องจ่ายเงินเยียวยา ต้องไปดูก่อนว่าใครคือผู้เสียหาย ซึ่งเริ่มจาก ‘ยายเนื่อม’ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา มหาอุบาสิกาเจ้าของที่ดิน ที่ถวายให้กับวัด

หลังยายเนื่อมเสียชีวิตลง ที่ดินก็เป็นมรดกตกทอดกับวัด ซึ่งกลายเป็นที่ธรณีสงฆ์โดยอัตโนมัติ

เมื่อเป็นที่ธรณีสงฆ์ กฎหมายไม่อนุญาตให้นำไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ แต่ปรากฎมีกลุ่มนักการเมืองไปสมคบคิดกับวัดและมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย นำที่ดินไปซื้อขายจนกระทั่งเกิดปัญหาขึ้น

รศ.ดร.เจษฎ์ แบ่งกลุ่มที่เกี่ยวกับที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มแรก นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ นางอุไรวรรณ เทียนทอง และนายเสนาะ เทียนทอง ที่เป็นผู้ซื้อขายที่ดินมือแรก กลุ่มที่สอง คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ (ทักษิณ ชินวัตร) ที่ซื้อต่อจากกลุ่มแรก และกลุ่มที่สาม คือ ลูกบ้านอัลไพน์

ใครเป็นผู้เสียหายตัวจริง ที่สมควรได้รับการเยียวยาและใครที่ต้องเป็นคนจ่าย?!

รศ.ดร.เจษฎ์ เห็นว่า สองกลุ่มแรก เข้าข่ายมีการสมคบกัน โดยให้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทำหน้าที่รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ณ เวลานั้น ใช้อำนาจมิชอบออกคำสั่งให้มีการซื้อขายที่ดินผืนดังกล่าว จนศาลตัดสินจำคุกนายยงยุทธ 2 ปี ในเวลาต่อมา

ดังนั้น เมื่อเป็นการกระทำความผิดโดยการใช้อำนาจมิชอบของนายยงยุทธเอง จึงไม่ถือเป็นการกระทำของกรมที่ดิน ที่ทางราชการต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว

ขณะที่ในเวลาต่อมา นายยงยุทธ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และหลังพ้นจากราชการได้เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่าง ๆ ในนามพรรคเพื่อไทย จึงมีความเชื่อมโยงกับผู้ซื้อขายที่ดินทั้งสองกลุ่ม

ส่วนคุณหญิงพจมาน ที่ซื้อที่ดินผืนใหญ่ต่อจากกลุ่มแรก จะอ้างรู้เท่าไม่ถึงการหรือไม่รู้กฎหมายไม่ได้ เพราะโดยสถานะในทางธุรกิจต้องมีทีมกฎหมายทำหน้าที่ตรวจสอบก่อน อีกทั้ง ในการซื้อขายที่ดินทั่วไปก็ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องก่อนเช่นกัน ยิ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ก็ยิ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด

ดังนั้น จะอ้างไม่รู้ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ไม่ได้

ส่วนกลุ่มที่สาม คือ ลูกบ้านที่ซื้อที่ดินในสนามกอล์ฟอัลไพน์ ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ควรได้รับการเยียวยา

สรุป ผู้ซื้อกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ถือเป็นคู่สัญญาที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเพิกถอนคำสั่งไม่ชอบของนายยงยุทธ และให้ที่ดินกลับไปเป็นของวัด ซึ่งผู้เสียหายรายเล็กรายน้อยต้องฟ้องเรียกค่าชดเชยจากสองกลุ่มแรก โดยที่คุณหญิงพจมาน จะอ้างเป็นผู้ซื้อต่อในทอดที่สองไม่ได้

สุดท้าย รศ.ดร.เจษฎ์ สำทับว่า หลวงไม่ต้องจ่ายเยียวยา เพราะหลวงไม่ได้ทำผิดแต่เป็นการกระทำความผิดของนายยงยุทธ ที่ใช้อำนาจโดยมิชอบดังกล่าว

ส่วนหากจะให้สภาออกกฎหมายโอนที่ธรณีสงฆ์ ตามคำแนะนำของกฤษฎีกา ก็ต้องไปดูให้ดีเพราะที่ดินมีความซับซ้อนและที่สำคัญการออกกฎหมายโอนที่ธรณีสงฆ์ ต้องทำเพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น

งานนี้ถ้ามั่นใจก็ลองเสนอกฎหมายเข้าสภาดู จะได้รู้ว่าจะมีพรรคการเมืองไหนพร้อมใจกันยกมือให้หรือไม่?!

ท้ายสุดที่ดินอัลไพน์ เป็นที่ธรณีสงฆ์ หากจะทำอะไรกับที่ดินผืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าโง่ หรือค่าอยากโง่ก็ตามเถอะ ในฐานะชาวพุทธโปรดได้ใช้พุทธิปัญญาใคร่ครวญตรองดูกันเอาเองเถิด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์