การเปิดตัวของ สจ.จอย หรือ นภาภัช อัญชสานิชมน ภรรยาของ สจ.โต้ง หรือ ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์กลางงานพิธีวางดินหน้าศพของ สจ.โต้ง ที่จะสานต่อฝันสามี ด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทย ถือเป็นท่าทีที่ยืนยันชัดว่า การเลือกตั้ง นายก อบจ.ปราจีนบุรีรอบนี้ จะเป็นการปะทะกันระหว่าง บ้านใหญ่และนายใหญ่ โดยมีพรรคประชาชน รอจังหวะสอดแทรก
สจ.จอย เคยถอดใจ และให้สัมภาษณ์สื่อว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่สามีถูกยิงเสียชีวิต การให้สัมภาษณ์ในวันนั้น สจ.จอยให้เหตุผลว่า อยากเอาเวลาที่เหลือดูแลลูก ๆ และยืนยันจะไม่ให้ลูก ๆ เติบโตเข้าสู่เส้นทางการเมืองเด็ดขาด
ท่าทีของ สจ.จอย ถูกวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะรู้ดีว่า การลงสมัครนายก อบจ.ในวันที่ไม่มี สจ.โต้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ เพราะลำพังตัวเอง ไม่มีบารมีและไม่มีเครือข่ายเพียงพอที่จะสู้ศึกเลือกตั้งปราจีนบุรี โดยเฉพาะหากต้องแข่งกับบ้านใหญ่อย่าง ตระกูลวิลาวัลย์
สจ.จอย ลงสู่สนามการเมืองท้องถิ่นครั้งแรก โดยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาจังหวัดปราจีนบุรี ในเขตเลือกตั้งที่ 2 พื้นที่อำเภอเมือง เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นครั้งแรก หลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เนื่องจาก**คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช.**ประกาศให้เว้นวรรคการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเวลา 6 ปี
เพียงสมัยแรกของการเป็น สจ.ปราจีนบุรี สจ.จอยก็ได้รับการเสนอชื่อเป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี คนที่ 1 โดย สมชาติ ศิริรักษ์ สจ.เขตเลือกตั้งที่ 2 ของอำเภอนาดี เป็นผู้เสนอ และได้รับการเลือกเป็นรองประธานสภา อบจ.ปราจีนบุรี คนที่ 1 โดยไม่มีการโหวต เนื่องจากมีการเสนอชื่อเพียงเดียว
สถานะของ สจ.สมัยแรกและเป็นนักการเมืองหญิง แต่กลับได้รับการเสนอชื่อเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 โดยไม่มีคู่แข่ง แน่นอนว่า ย่อมเป็นเพราะบารมีของ สจ.โต้ง ที่วันนั้นเสมือนหนึ่งมือขวาของ ’โกทร‘ สุนทร วิลาวัลย์ เพราะไม่เช่นนั้น คงไม่สามารถฝ่าด่าน สจ.จำนวน 24 คนของปราจีนบุรี ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโส และเป็นผู้กว้างขวางในแวดวงการเมืองท้องถิ่นขึ้นมาเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 ได้
สจ.จอย อยู่ในตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 มาตลอดวาระการเป็น สจ. จนครบวาระเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และตลอด 4 ปีในตำแหน่งรองประธานสภา ก็มีเงาของ สจ.โต้ง ทาบอยู่ข้างหลังอย่างเด่นชัด
4 ปีใน สภา อบจ.ปราจีนบุรี สถานะของ สจ.จอย จึงเสมอแค่ตัวแทนของสามีเท่านั้น และเป็นสถานะที่ผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองท้องถิ่นรับได้ เพราะตำแหน่งรองประธานสภา อบจ. มิใช่ตำแหน่งบริหาร และไม่ได้มีบทบาทมากนัก สำหรับการพิจารณาโครงการหรือการตัดสินใจเรื่องสำคัญ
จุดเปลี่ยนของการเมืองท้องถิ่นปราจีนบุรีเริ่มระอุ และส่อเค้าความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น เมื่อสจ.โต้งแสดงท่าทีว่าจะสนับสนุนสจ.จอยภรรยา ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ในการเลือกตั้งที่จะถึงในปี 2568
เพราะสถานะการเป็น สจ. และเป็นรองประธานสภา อบจ. เทียบไม่ได้กับสถานะการเป็นนายกอบจ. ที่เป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร
สจ.จอย ถูกตั้งคำถามว่า แม้จะเป็นภรรยาของสจ.โต้ง และแม้จะเป็นดั่งลูกบุญธรรมของโกทร เป็นมือขวา เป็นทุกอย่างให้กับโกทร แต่สจ.จอย คือใคร มีที่มาอย่างไร
หาก โกทร สนับสนุน สจ.จอย ให้ลงสมัครนายก อบจ. และได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนว่า มีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือก แล้วคนใกล้ชิดคนอื่นรอบตัว โกทร จะวางตัวเองอยู่ตรงจุดไหน
สจ.จอย จะผงาดขึ้นมาอยู่ในฐานะที่จะเป็นหงส์เหนือมังกร ได้จริงหรือ
ในเมื่อ สจ.จอย มิได้เป็นผู้หญิงในตระกูลวิลาวัลย์ เฉกเช่น บังอร วิลาวัลย์ น้องสาว โกทร อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี หรือมิได้ใกล้เคียงกับสถานะของ ครูโอ๊ะ กนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้เป็นลูกสาวของโกทร
ถ้า สจ.จอยเป็นนายก อบจ. และคนอย่าง สจ.อุ๊ กฤษณ์ กษมพันธ์ อดีตรองนายก อบจ.คนที่ 1 ผู้ซึ่งเป็นดั่งคนข้างกายของโกทร จะอยู่ตรงไหน จะรับได้กับการที่จะต้องเป็นรองสจ.จอยได้หรือ
แล้วคนอย่างเลขาเก๋ ธนาวัฒน์ วารีสมานคุณ รองนายก อบจ.ปราจีนบุรี คนที่ 2 ผู้เป็นดั่งมันสมองให้กับโกทร มายาวนานตั้งแต่ ปี 2553 จะวางตำแหน่งตัวเองไว้ที่ไหน
ทั้งอดีตรองนายก อบจ.อันดับ 1 และอันดับ 2 ล้วนเป็นคนรู้ใจของตระกูลวิลาวัลย์ จะรับได้จริงหรือกับสถานะ หงส์ของ สจ.จอย ที่จะทยานขึ้นมาเหนือมังกรอย่างพวกเขา
สภาวะและปัจจัยสำคัญส่วนนี้ เป็นเหตุผลหลักที่ว่ากันว่า โกทร อยู่ในสถานะกระอักกระอ่วน
ด้านหนึ่ง สจ.โต้งก็รุกหนัก ขอให้รับปากสนับสนุนภรรยาในการเลือกตั้งนายก อบจ.รอบนี้
ด้านหนึ่งก็เข้าใจสถานะของคนใกล้ชิดอีกหลายคน ที่อาจรับไม่ได้กับการตกเป็นรองในการบริหารอบจ.ปราจีนบุรีสมัยหน้า
ถ้าเป็น บังอร วิลาวัลย์ แน่นอนว่า บารมี และความเป็นผู้อาวุโส ทุกคนยอมรับและพร้อมเชื่อมั่นในสถานะ ‘หงส์’ ฐานะ ‘นางพญา’
ถ้าเป็น กนกวรรณ วิลาวัลย์ ยิ่งแน่นอนว่า นี่คือ ลูกรัก และดวงใจของโกทร และครูโอ๊ะ ก็แผ่รัศมีความเป็น ‘หงส์’ และรัศมีแห่งความเป็น ‘นางพญา’ มิใช่ ‘กา’ ที่แฝงตัวมาเป็น ‘หงส์’
ความไม่ลงตัวในวันนั้น อาจเป็นหนึ่งในชนวนแห่งความขัดแย้ง ที่ทำให้ โกทร ตัดสินใจยาก และไม่อาจตกปากรับคำ สจ.โต้งได้ แต่จะเป็นในชนวนคำสั่งตาย สจ.โต้งหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้
แต่อย่างน้อยที่สุด วันที่ไม่มี สจ.โต้ง และวันที่ ทักษิณ ชินวัตร และร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังไม่แสดงออกถึงการสนับสนุน สจ.จอย
วันนั้นก็ชัดเจนยิ่งว่า สจ.จอย เลือกที่จะยุติข้อขัดแย้งนี้ ด้วยการแสดงท่าทีไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ตามที่ สจ.โต้ง วางแผนไว้
แต่เกมมาพลิกผันอีกครั้ง เมื่อ ทักษิณและผู้กองธรรมนัส เดินหน้าตามแผนเดิมที่จะยึดครองสนามท้องถิ่นปราจีนบุรี ตามที่มีการพูดคุยกับ สจ.โต้งไว้ ด้วยการที่ ผู้กองธรรมนัสเดินทางไปงานศพ สจ.โต้ง ที่แม้ทักษิณมิได้ไป ทั้งที่เดิมแพลนว่าจะไป
แต่การที่ ผู้กองธรรมนัส ปรากฏตัวเคียงข้าง สจ.จอย และคอยกำกับบทการให้สัมภาษณ์บางประเด็นของ สจ.จอย ก็เป็นความชัดเจน โดยมิพักต้องอธิบายให้มากความ ว่า พรรคเพื่อไทยและผู้กองธรรมนัส ที่แม้ตัวอยู่พรรคกล้าธรรม จะสนับสนุน สจ.จอยอย่างเปิดเผย ในการลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.รอบนี้
เปิดเผยทั้งการสนับสนุนในด้านฐานเสียง
เปิดเผยทั้งการสนับสนุนที่จะรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยให้กับ สจ.จอย
ความปลอดภัยอันมิใช่เพียงการันตีจากผู้กองธรรมนัสเท่านั้น แต่เป็นการการันตีจากการปรากฏตัวของ ชาดา ไทยเศรษฐ ผู้กว้างขวางในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำสะแกกรังในปัจจุบันด้วย
ยังไม่นับรวมท่าทีของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตท.25 รุ่นเดียวกับผู้กองธรรมนัส ที่มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ทำคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อขจัดอิทธิพลในพื้นที่อีกด้วย
ถึงนาทีนี้จึงต้องรอดูว่า ตระกูลวิลาวัลย์ จะสิ้นอิทธิฤทธิ์ทางการเมืองในพื้นที่ปราจีนบุรีจริงหรือ
การควบคุมตัวโกทรเอาไว้ในเรือนจำ จะหยุดบารมีไม่ให้แผ่ออกมาครอบคลุมการเมืองในปราจีนบุรีได้จริงหรือ
คนในปราจีนบุรี จะเทคะแนนสงสารให้กับ สจ.จอย จากการสูญเสียสามีจริงหรือ
ฐานคะแนนเพื่อไทย เทียบฐานคะแนน สจ.ทุกเขต ภายใต้บารมี โกทร จะพลิกมาเป็นคะแนนของสจ.จอยได้แค่ไหน
สำคัญสุด ตระกูลวิลาวัลย์ จะประกาศหนุนใครในการเลือกตั้งครั้งนี้ EP.หน้า มาชำแหละกันต่อ