ประชามติคือคำตอบ กาสิโน-พนันออนไลน์

21 ม.ค. 2568 - 03:01

  • เป็นทางออกที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย

  • แต่ต้องไม่ซับซ้อน ไม่สิ้นเปลือง และประชาชนเข้าถึงง่าย

  • ประชามติแบบสองชั้น จะเป็นหลักประกันความชอบธรรมได้

politics-thailand-government-referendum-answer-casino-online-SPACEBAR-Hero.jpg

มาถึงวันนี้ สังคมคงมีข้อมูลมากเพียงพอที่จะร่วมกันให้คำตอบได้แล้วว่า ประเทศไทยสมควรจะมีบ่อนกาสิโน หรือพนันออนไลน์ถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่คำตอบจากฝ่ายสนับสนุน ที่อ้างเอาผลการรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ที่กระทรวงการคลังไปจัดทำมาเท่านั้น

แต่ต้องเป็นประชามติ ที่เป็นความเห็นของคนทั้งประเทศ เพราะเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อสังคมวงกว้างในหลากหลายมิติด้วยกัน โดย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เหตุผลไว้ 3 ข้อด้วยกันคือ 

1.เป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวมาก 

2.ประชาชนมีความเห็นต่าง ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย 

3.พรรคการเมืองไม่ได้หาเสียงมาก่อนว่าจะทำคาสิโน อาจจะพูดกว้าง ๆ แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าจะทำคาสิโนเพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน เพราะฉะนั้น ข้อยุติที่ดีที่สุด คือ การทำประชามติ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่า เห็นด้วยที่จะให้ทำหรือไม่ ซึ่งเป็นทางออกที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลเองที่จะได้มีความชอบธรรมถ้าประชาชนเห็นด้วย 

ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ยกเลิกได้ เพราะเป็นรัฐบาลในวิถีทางประชาธิปไตยที่ควรรับฟังเสียงประชาชน เพราะบางประเทศก็ใช้ประชามติในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ของบ้านเมือง ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบในวงกว้าง จึงคุ้มค่าที่จะทำประชามติ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นอีกคนที่มองการผลักดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถือเป็นอนาคตของเยาวชนของชาติ และทิศทางของประเทศ ไม่ใช่แค่เรื่องของเศรษฐกิจ จึงเห็นด้วยกับการทำประชามติ แต่ต้องไม่ซับซ้อน ไม่สิ้นเปลือง และประชาชนเข้าถึงง่าย

‘ถ้าเรานำเรื่องอบายมุขขึ้นมาถูกกฎหมายทั้งหมด ต่อไปประเทศเราอาจจะใกล้เคียงกับบางประเทศที่มีสินค้าส่งออกเป็นยาเสพติด เพราะถือว่าทำรายได้ได้ดี ดิฉันมองว่าไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาดังกล่าวต้องเริ่มต้นจากการเมือง รัฐธรรมนูญต้องดี นำไปสู่เศรษฐกิจที่ดีและยั่งยืน ไม่ใช่การแจกเงินชั่วครั้งชั่วคราว หรือเอาอบายมุขขึ้นมาสุดท้ายเยาวชนของชาติไม่มีอนาคต’ สว.นันทนา ให้ความเห็นเอาไว้

รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ติดตามนโยบายการเปิดกาสิโนในประเทศไทย ก็เห็นด้วยกับการจัดทำประชามติเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ไม่มีอยู่ใน 70 นโยบายหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย มีเพียงนโยบายที่ 54 คือ นโยบายเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งในรายละเอียดแจกแจงว่า เป็นการพัฒนาและสร้างโอกาสจากแหล่งการท่องเที่ยว ทั้งจากธรรมชาติและที่สร้างขึ้นเป็นแลนด์มาร์ค โดยไม่ได้ระบุว่า จะมีธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย

‘ดังนั้น การที่คณะรัฐมนตรีมีมติผลักดันเรื่องที่พรรคไม่ได้ใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และนโยบายดังกล่าวมีผลเสียต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง จึงอาจเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะแม้ว่าประชาชนบางส่วนอาจเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะชอบนโยบายแจกเงินหมื่น แต่กลุ่มคนดังกล่าวอาจไม่เลือกพรรคเพื่อไทย หากรู้ว่าจะมีการจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ’ ดร.ชิดตะวัน ให้ความเห็นไว้

ทีนี้มาฟังมุมมองพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้นำจิตวิญญาณบ้างว่า มองนโยบายการเปิดบ่อนกาสิโนของรัฐบาลอย่างไร โดย **พระเมธีวัชรบัณฑิต หรือ ‘เจ้าคุณหรรษา’**ผอ.วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้ให้ความเห็นผ่านสื่อไว้ว่า 

การพนันเป็นอบายมุขผิดหลักศาสนา ถ้ารัฐมองว่ากาสิโนเป็นเรื่องของรัฐ ก็ต้องเร่งจัดให้มีประชาพิจารณ์ รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 67 ได้ตราไว้ว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย

ดังนั้น ในหลักการของพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่รัฐให้การรับรอง ได้แก่ อิสลาม คริสต์ ฮินดู และซิกซ์ นั้น ไม่มีศาสดาของศาสนาใดที่เห็นด้วยกับอบายมุขทุกชนิด หมายความว่า ทุกศาสนาปฏิเสธอบายมุขทุกชนิดอย่างไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งกว่านั้น จะสังเกตเห็นว่า รัฐกำลังทำในสิ่งที่ย้อนแย้งและขัดกับหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 67 เสียเอง เพราะวรรคแรกได้ย้ำว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น หมายความว่า รัฐมีหน้าที่ดูแลให้พลเมืองปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา ซึ่งสอดรับกับวรรคสองที่ย้ำว่า รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา

พระเมธีวัชรบัณฑิต ย้ำว่า แม้หลายคนจะมีข้ออ้างว่าปกติเราก็มั่วสุมอบายมุขในลักษณะต่าง ๆ แบบไม่เป็นทางการอยู่แล้ว ส่วนตัวมองว่า ถ้ารัฐจะเดินหน้าทำเรื่องเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายให้ได้ตามที่หลายท่านเพียรพยายาม ขอให้รัฐจัดทำประชาพิจารณ์ทั้งประเทศ โดยให้พลเมืองของทุกคน รวมถึงนักบวช มีสิทธิในการโหวตว่าจะรับหรือไม่รับหลักการและแนวทางนี้ 

สุดท้ายแล้ว หากส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงามกับประเด็นนี้ ประชาคม และเราก็จะได้ทราบกันอย่างชัดแจ้งแบบเป็นทางการเสียทีว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการให้ประเทศไทยเป็นไปในแนวทางนี้ กลุ่มคนส่วนน้อยก็จะได้หาวิธีการฟื้นฟูศีลธรรมเชิงปัจเจกต่อไป และไม่ควรจะให้ใครหรือผู้ใดมาแอบอ้างวาทกรรมว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธอีกต่อไป

ขณะที่คนในรัฐบาลออกอาการบ่ายเบี่ยง เมื่อถูกถามถึงเรื่องประชามติ เพราะเจ้าของตำแหน่ง ส.ท.ร.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศไว้ชัดว่าไม่จำเป็น เพราะผ่านความเห็นชอบทั้งในสภาและจากการรับฟังความเห็นประชาชนมาแล้ว

จึงไม่แปลกที่ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล จะออกตัวว่า ร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ยังมาไม่ถึงสภาจึงยังไม่ได้อ่านว่าเป็นอย่างไร และกฤษฎีกาอาจจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกก็ได้

‘การที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย และเป็นเรื่องดีที่ทักท้วงกันมา หากกฤษฎีกาส่งมา พวกผมจะได้รู้ว่าติดขัดตรงไหนอย่างไร’

ส่วนเรื่องการทำประชามติ ประธานวิปรัฐบาล ให้ความเห็นไว้ค่อนข้างกว้างว่า ต้องดูว่าประชามติมีในร่างกฎหมายหรือไม่ ไม่ใช่ว่าอยากจะทำประชามติทุกเรื่อง เพราะการทำประชามติครั้งหนึ่งใช้งบประมาณ 3 พันล้านบาท ต้องคิดดูดี ๆ หรือจะทำประชามติพร้อมกับเรื่องอื่นก็ได้ หรือจะทำพร้อมกับรัฐธรรมนูญก็ได้ ดังนั้น ก่อนตอบไปว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ขอให้ได้เห็นร่างกฎหมายที่กฤษฎีกาส่งมาก่อน แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร

ที่ว่าไม่มีปัญหานั้น จะเป็นร่างกฎหมายไม่มีปัญหา หรือไม่มีปัญหาหากต้องทำประชามติก่อน?!

เอาเป็นว่า เรื่องเอาการพนันขึ้นมาไว้บนดิน ไม่ว่าจะเป็นกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร หรือจะเป็นพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ถ้าจะให้ดีต้องขอฉันทานุมัติจากประชาชนผ่านการทำประชามติก่อน และจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่หากใช้กฎหมายประชามติฉบับปัจจุบันที่มีผลบังคับใช้อยู่

เพราะเป็นประชามติแบบสองชั้น จะเป็นหลักประกันความชอบธรรมได้จริง ๆ

แต่ถ้ายังยืนยันจะเดินหน้าต่อโดยไม่ทำประชามติ หากมั่นใจว่าหักด้ามพร้าด้วยเข่าได้ก็ทำไปเถอะ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์