ในระหว่างปิดสมัยประชุมสภา แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แจกการบ้านให้สส.เพื่อไทย ไปทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ให้ตรงกันกับที่รัฐบาลประสงค์จะให้เข้าใจ
โดยเฉพาะในส่วนของกาสิโน ที่มีสัดส่วนเพียง 10% นั้น ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าได้ ต้องมีเงื่อนไขต่าง ๆ มากมาย ที่สำคัญการเปิดต้องยื่นขออนุญาต และต้องใช้เงินลงทุนเป็นแสนล้านบาท ไม่ใช่จะเปิดที่ไหนก็ได้
ในสายตาของรัฐบาลมองว่า ฝ่ายคัดค้านบิดเบือน พูดถึงแต่กาสิโน ไม่พูดถึงส่วนอื่นอีก 90% ทำให้ ‘วิสุทธิ์ ไชยณรุณ’ ประธานสส.เพื่อไทย ยกเอาสถานบันเทิงครบวงจรไปเทียบกับวัด ที่คนเข้าวัดไม่ได้ไปขอหวยกันเท่านั้น
‘เหมือนคนไปวัด ไม่ใช่ไปขอหวยกันหมด คนไปไหว้พระขอพรก็มี คนไปเที่ยวเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็จูงลูกหลานไปเที่ยวส่วนอื่น’
ไม่รู้การเปรียบเทียบแบบนี้ของผู้ทรงเกียรติจากเมืองพะเยา จะทำให้คนหายสงสัยหรือคาใจเพิ่มขึ้น
ในฐานะคนที่เคยผ่านวัดมาบ้าง และเชื่อว่าคงมีอีกหลายคนที่รับไม่ได้กับ ‘ตรรกะเห่ยๆ’ แบบนี้ เพราะในทางพระพุทธศาสนานอกจากจะจำแนกบุคคลออกเป็น 4 กลุ่ม ที่เรียก ‘บัว 4 เหล่า’ เพื่อให้ง่ายต่อการอบรมสั่งสอนในการเข้าถึงธรรมะแล้ว ยังมีคำว่า เปลือก กระพี้ แก่น จำแนกออกไปอีก
ดังนั้น เมื่อแต่ละคนมีพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน จึงจำเป็นต้องมี ‘กุศโลบาย’ หรืออุบายที่เป็นกุศล ในการดึงคนเข้าวัดเพื่อไปซึมซับรสพระธรรม ซึ่งจะได้เห็นสิ่งปลูกสร้างหรือวัตถุมงคลต่างๆ อยู่ภายในวัด มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป
นั่นคือ กุศโลบาย
ส่วนเมื่อเข้าวัดไปแล้ว จะได้หวยเป็นของแถม หรือตั้งใจเข้าไปหาหวย แต่กลับได้ ‘อริยทรัพย์’ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนกว่าเลข 2 ตัว 3 ตัว ก็สุดแท้แต่ความตื้น ลึก หนา บางของสติปัญญาแต่ละคนไป
ในขณะที่สถานบันเทิงครบวงจร ที่รัฐบาลกำลังผลักดันนั้น เปรียบเหมือนเป็นสถานที่อโคจร อันสัตบุรุษ คนดีมีคุณธรรม ผู้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมทั้งหลาย ไม่พึงไปส้องเสพข้องแวะ
การเอากาสิโน 10% มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนเข้าไปใช้บริการ จึงเสมอเป็น ‘เพทุบาย’ ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง ไม่ต่างจากพวกมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซนเตอร์ทั้งหลายทำกันนั่นเอง
การใช้เล่ห์เพทุบายตรงนี้ต่างหาก ที่น่าจะใช้คำว่า ‘บิดเบือน’ ได้ถูกฝาถูกตัวมากกว่า
ก่อนหน้านี้้ มีนักวิชาการหลายคนออกมาทัดทานการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นในประทศไทย เป็น**‘นโยบายสิ้นคิด’** เพราะหลายประเทศที่อนุญาตให้มีนั้น เพราะเขาไม่มีอะไรจะขาย ผืนดินแห้งแล้ง ทุรกันดาร เป็นทะเลทราย
แต่ประเทศไทย มีจุดแข็งที่เป็นจุดขายมากมาย ทั้งโบราณสถาน ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม ทะเล ภูเขา ป่าไม้ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เข้ามาสัมผัสกับรอยยิ้มสยาม
แต่พอรัฐบาลเพื่อไทย ‘ยุคแแดงกาสิโน’ จะสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียก Man Made Destinations ที่มนุษย์สร้างขึ้น แห่ตามเมืองนอกเมืองนา ที่ประเทศเขาไม่มีดินดำน้ำชุ่มเหมือนที่เรามี จึงถูกนักวิชาการมองเป็นนโยบายสิ้นคิด
คงไม่ต่างกับที่เอาสถานบันเทิงครบวงจรไปเทียบกับวัด ก็เป็นตรรกะสิ้นคิดเหมือนกันอีกนั่นแหล่ะ!!