พลันที่ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ให้ไต่สวนข้อเท็จจริง 12 เจ้าหน้าที่รัฐ ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวผู้ต้องขัง ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ‘ปมป่วยทิพย์’ โดยให้กรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ทำหน้าที่เป็นองค์คณะไต่สวน
ผู้คนในกลุ่มที่เรียกร้องให้ตรวจสอบต่างส่งเสียงแซ่ซ้องปรบมือแบบรัว ๆ ให้กับมติป.ป.ช.ชนิดดังมาจากรอบทิศทาง เพราะเฝ้ารอคำตอบกันมานานมากว่า ป.ป.ช.จะมีมติเรื่องนี้กี่โมง
นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง หนึ่งในผู้ออกมาเรียกร้องและไปทวงคำตอบจาก ป.ป.ช.หลายหน ถึงกับบอกตอนหลังเริ่มเบื่อจะไปทวงถามแล้ว โดยพูดทีเล่นทีจริงว่า ไปจนรู้สึกอายคนที่ป.ป.ช.เพราะไปกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่ได้รับคำตอบสักที
ทีนี้ไปสแกนดูมติ ป.ป.ช.ที่ออกมา พบว่าให้ไต่สวนเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 12 ราย ซึ่งประกอบด้วย 1.นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2.นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3.นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4.นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5.พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6.พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
7.พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8.พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9.นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10.แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11.นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12.นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติล้วน ๆ ไร้เงานักการเมืองผู้สั่งการ?!
ช่วงสายวันอังคารที่ 17 ธันวาคม ก่อนเข้าประชุมครม.ประจำสัปดาห์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ตอบคำถามเรื่องนี้กับนักข่าวว่า "ในขณะนั้น ตนยังไม่ได้รับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม" พร้อมสำทับกึ่ง ๆ ส่งสัญญาณว่า
"ป.ป.ช.เป็นองค์กรที่จะต้องดำเนินการไต่สวน หากสืบสวนแล้วไม่มีมูลก็ไม่รับ ซึ่งมีเรื่องที่ถูกร้องเรียนและไม่ถูกชี้มูลก็เยอะ" พ.ต.อ.ทวีเหมือนจะบอกใบ้คำตอบล่วงหน้า
นอกจากนั้น พ.ต.อ.ทวี ยังแสดงความเชื่อมั่นแทนเจ้าหน้าที่ที่ถูกสอบทั้ง 12 คน ว่า ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบตามหลักวิชาชีพที่เป็นสากลทุกประการ และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม
"ในฐานะที่ได้เห็นผ่านตาในบางช่วง ยืนยันว่าหลักฐานมีครบทุกอย่างและถือเป็นเรื่องที่ดีที่ให้ผู้ถูกระบุชื่อได้ไปชี้แจง"
พ.ต.อ.ทวี ย้ำด้วยว่า ในกรณีดังกล่าวทางกรมราชทัณฑ์ ได้ส่งใบแพทย์และได้สอบถามหลายครั้ง ซึ่งได้เห็นและเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่จะรับไว้ และที่สำคัญนายทักษิณ อยู่ในหลักเกณฑ์การถูกคุมขังของราชทัณฑ์ครบตามกฎหมาย ไม่ได้มีชั่วโมงไหนที่ไม่ได้อยู่ในที่คุมขังซึ่งหมายถึงเรือนจำ
แต่ดูเหมือน พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ที่เคลื่อนไหวติดตามกรณีนี้ยังติดใจคำชี้แจงของ พ.ต.อ.ทวี รวมทั้ง มติป.ป.ช.ที่ออกมา โดยให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า "ไม่รอด" พร้อมข้อความว่า
ป.ป.ช.มีมติวันนี้ ไต่สวนข้าราชการช่วยทักษิณป่วยทิพย์ ชั้น 14 จำนวน 12 คน คปท.ในฐานะผู้ร้อง เคยร้องให้ดำเนินเนินการกับ รมต.ยุติธรรม ทวี สอดส่อง ด้วยเหตุเพราะเมื่อถึงเวลาที่รมต.ยุติธรรม ต้องเข้าไปตรวจสอบ กลับไม่ตรวจสอบ มันเหมือนกรณีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ระงับการโกงเรื่องจำนำข้าว
“ดังนั้น เรื่องนี้ ทวี สอดส่อง หนีความรับผิดชอบไม่ได้ 18 ธ.ค.นี้ ต้องถาม ป.ป.ช.ประเด็นนี้อีกครั้ง”
ไม่ใช่เพียงพิชิตคนเดียวที่คาใจ วัชระ เพชรทอง อีกคนที่ไปยื่นร้องให้ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อ ป.ป.ช.ก็มีความสงสัยไม่ต่างกันและเตรียมจะไปถาม ป.ป.ช.ด้วยเหมือนกันที่ไม่มีรายชื่อนักการเมืองอยู่ในข่ายถูกตรวจสอบด้วย
หลังตั้งหลักได้ บรรดานักร้องจึงมาตั้งลำ ลำดับเรื่องกันใหม่เลยถึงบางอ้อว่า มติที่ออกมานอกจากไม่มีนักการเมืองแล้ว ยังไปไม่ถึงตัวทักษิณที่เป็นต้นเรื่อง พูดง่าย ๆ ถ้าสอบแล้วไม่พบความผิด เอกสารทุกอย่างพิสูจน์ได้อย่างพ.ต.อ.ทวีว่าไว้
"หากสืบสวนแล้วไม่มีมูลก็ไม่รับ"
นั่นเท่ากับว่า ถ้าสอบแล้วไม่มีมูลก็จบไป ต้องมีมูลถึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้น จึงจะสรุปสำนวนให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ชี้มูลอีกครั้ง
ฟัง ๆ ดูแล้ว กระบวนการต่อจากนี้แม้จะยังต้องผ่านอีกหลายด่าน แต่เนื่องจากเป็นการให้ ป.ป.ช.เป็นองค์คณะไต่สวน จึงน่าจะไม่ใช้เวลายาวนานเหมือนการตั้งอนุกรรมการขึ้นไต่สวน ส่วนผลการไต่สวนก็ย่อมออกได้ทั้งสองหน้า
เพราะฉะนั้น ในสถานการณ์ที่ต้องลุ้นกันตัวโก่งตั้งแต่แรก จนผลสอบเบื้องต้นออกมาแล้ว ยังต้องรอว่าจะนำเข้าที่ประชุมป.ป.ช.วันไหน จนหลายคนเลิกมาตามผล แถมยังมีเรื่องคนอักษรย่อ "ว.แหวน" เข้ามาเกี่ยวข้อง ที่มาพร้อมเรื่องเล่าบุญคุณน้ำมิตรอีกมากมาย
แม้จะใช้ "องค์คณะไต่สวน" ไม่ใช่ตั้งอนุกรรมการไต่สวน อันบ่งบอกถึงความสลักสำคัญของเรื่องที่สอบว่าเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ยิ่งใหญ่ยิ่งต้องหวาดระแวงว่าจะไปต่ออย่างไร จะมีการฟอกขาวฟอกเทากันหรือไม่
งานนี้ต้องรอวัดใจ ป.ป.ช.จะสอบเอาผิดหรือฟอกผิด เพราะถ้าไม่ตรงไปตรงมาป.ป.ช.นั่นแหละจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยเสียเอง