3 ปมเสี่ยง กาสิโนส่อขัดรัฐธรรมนูญ?!

22 ม.ค. 2568 - 03:59

  • ไม่สนเสียงรุมต้านที่มาจากรอบทิศ

  • พยายามรวบหัวรวบหางเตรียมเสนอร่างกฎหมายเข้าสภา

  • หมิ่นเหม่ต่อการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ

politics-thailand-government-violate-constitution-casino-SPACEBAR-Hero.jpg

ในขณะที่รัฐบาลกำลังใส่เกียร์เดินหน้านโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้มีบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายขึ้นในประเทศไทย โดยไม่สนเสียงรุมต้านที่มาจากรอบทิศ

แถมมองคนที่ไม่เห็นด้วยเป็นเพียงเสียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ออกมาขวางทางปืน

ทั้งหลายทั้งปวง ก็เพราะมองว่าเรื่องนี้ได้ผ่านการรับรองมาแล้วถึงสองด่าน คือ ด่านแรก จากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และด่านที่สอง การเปิดรับฟังความเห็นร่างกฎหมาย ที่มีผู้เห็นด้วยมากกว่า ร้อยละ 80 จึงพยายามรวบหัวรวบหางเตรียมเสนอร่างกฎหมายเข้าสภา

ไม่สนเสียงทัดทานใด ๆ อีก กะว่าพร้อมลุยไฟกันไปเลย ประมาณนั้น

ล่าสุด ‘รองฯ อ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งอยู่ระหว่างทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ถึงกับขึงขังรอช้าอีกไม่ได้ หากยิ่งคัดค้านก็ยิ่งทำให้กระบวนการล่าช้า จึงทึกทักเอาว่า การที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไป ก็ถือว่าเหมือนได้ประชามติมาแล้ว เพราะเป็นการเสนอนโยบายต่อสาธารณะ ประชาชนทุกคนรับรู้

‘ในรัฐสภามีตัวแทนประชาชนจากทั่วประเทศให้การรับรองไปแล้ว จะต้องทำประชามติอะไรอีก’ รองฯ อ้วนว่าอย่างนั้น

แต่ถ้าจะเดินหน้ากันจริง ๆ เก้าจะเดิน สิบจะเดินอย่างไร เรื่องของบ่อนกาสิโน และพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย มีผู้รู้ นักวิชาการ เตือนเอาไว้ว่าหมิ่นเหม่ต่อการกระทำขัดรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 3 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ 

หนึ่ง ในคำปรารภบางตอนที่ว่า ‘เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเข้ามามีอำนาจในการปกครองบ้านเมืองหรือใช้อำนาจตามอำเภอใจ’

รวมทั้ง ข้อความในตอนท้ายที่เป็นพระราชดำรัส ความว่า 

‘ขอปวงชนชาวไทย จงมีความสมัครสโมสรเป็นเอกฉันท์ ในอันที่จะปฏิบัติตามและพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย และนำมาซึ่งความผาสุกสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคล อเนกศุภผลสกลเกียรติยศสถาพรแก่อาณาประชาราษฎร์ทั่วสยามรัฐสีมา สมดั่งพระราชปณิธานปรารถนาทุกประการ เทอญ’

สอง ในหมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 67 บัญญัติไว้ว่า

‘รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย’

สาม ในมาตรา 160 กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเอาไว้ใน (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นอกจากนั้น ยังอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่สามารถยื่นร้องเอาผิดได้ตามมาตรา 234 (1) ที่ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ที่ว่ามานี้ยังไม่มีใครไปยื่นร้อง เพราะรัฐบาลยังอยู่ในระหว่างการตั้งลำเท่านั้น

แต่ได้มีผู้ชี้ช่องไว้ บางรายเป็นนักวิชาการที่เคยข้องแวะกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาก่อน บางรายเป็นนักการเมือง และมีนักบวชรวมอยู่ด้วย คงเห็นว่าแทนที่รัฐบาลจะส่งเสริมสนับสนุนและเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเป็นหน้าที่ไว้

แต่กลับทำตรงกันข้าม เปิดทางให้มีอบายมุขเข้ามาเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาเสียเอง ซึ่งจะมีผลไปปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยมของสังคม เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว จากสัมมาทิฐิ เป็นมิจฉาทิฐิ

ไม่เพียงไม่ทำหน้าที่จรรโลงพระพุทธศาสนา ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เท่านั้น แต่ยังจะทำลายเยาวชน ทำลายอนาคตของชาติ และนำสังคมไทยไปสู่หายนะในที่สุดด้วย

ส่วนใครจะทำ ไม่ทำอะไรต่อ ก็ไปใคร่ครวญกันเอาเองตามที่เห็นสมควรเถิด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์