ตั้งใจจะเขียนเก็บตกเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ อีก EP. เพราะยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกหลายประเด็น แต่เมื่อการเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เคลื่อนตัวไปในทิศทางที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงโหราศาสตร์ส่งสัญญาณว่า ดวงดาวของประเทศ กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่จะมีการหักเหครั้งใหญ่
เรื่องราวที่เขียน จึงจำต้องปรับตามสถานการณ์เฉพาะหน้าไปด้วย แต่กระนั้นก็ยังมีบางส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวของการเลือกตั้ง อบจ.ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เริ่มเข้มข้นขึ้น ทั้งการให้สัมภาษณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร การตั้งคำถามจากสื่อต่อ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงแนวโน้มการปรับคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
ทั้งหมด แม้จะมีความพยายามดับไฟจาก แพทองธาร ที่ยืนยันยังไม่มีแนวคิดการปรับ ครม. และยังมีภาพสนิทแนบแน่นกับ อนุทิน ชาญวรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
แต่กระนั้นคอการเมืองก็ยังแอบเห็นสัญญาณความร้าวเล็กๆระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในหลายจุด
โดยเฉพาะสงครามนอมินี ที่มีความพยายามจับ ทักษิณ มาชนกับ เนวิน ชิดชอบ จากควันหลงการเลือกตั้งนายก อบจ. ซึ่งหลายจังหวัดสื่อส่วนใหญ่เห็นว่า พรรคเพื่อไทย พ่ายแพ้ให้กับ พรรคภูมิใจไทย จนเป็นที่มาของวาทกรรม “ทักษิณ สิ้นมนต์ขลัง” “ทักษิณแพ้มนต์หมอผี” หรือ ตีความว่า ยุทธการ “จับหนู ตีงูเห่า”ของทักษิณล้มเหลว
สัญญาณความร้าวลึกยังแผ่ไปถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี ‘พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเป้าหมายใหญ่
หรือแม้แต่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่อดีตสมาชิกพรรคคนสำคัญหลายคนใช้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ออกมาเคลื่อนไหว และแสดงท่าทีอย่างเปิดเผยต่ออนาคตทางการเมือง ที่น่าจะมีความพยายามยึดพรรคกลับ หรือหากไม่สำเร็จก็สร้างเรือลำใหม่
ทุกความเคลื่อนไหวทางการเมืองเหล่านั้น ล้วนเป็นประเด็นน่าสนใจยิ่งว่า อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเหล่านั้นเคลื่อนไหวคึกคักเช่นนี้
ปัจจัยประการแรก คือ เพราะห้วงเวลานี้คือ ช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง หรือ ช่วง 2 ปีสุดท้ายของสภาชุดนี้ หากนับจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566
สองปีหลังของอายุสภา จึงเป็นช่วงที่ต้องติดตามการเมืองแบบใกล้ชิด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหากสถานการณ์การเมืองคับขัน ก็อาจมีการยุบสภา หรือ จำต้องปรับครม.ครั้งใหญ่ เพื่อประคับประคองสถานภาพของรัฐบาลให้อยู่จนครบวาระ
หรือ ที่ร้ายแรงสุด คือ เกิดการแตกหักทางการเมือง ในกรณีเกิดการสานประโยชน์ไม่ลงตัว
ปัจจัยประการที่สอง คือ สถานการณ์ความขัดแย้งนอกสภา ที่นับวันจะยิ่งก่อตัวเพิ่มขึ้น ก่อตัวไปในทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล หรืออีกนัยยะ คือ ฝ่ายตรงข้าม ทักษิณ กำลังไหลไปรวมกันในที่เดียวและรวมพลังกันขึ้นต่อต้านรัฐบาลแพทองธาร
วันนี้แม้พลังอาจจะยังไม่เข้มแข็งมาก เสียงอาจจะยังไม่ดังพอ แต่ใดใดก็ล้วนแต่ประมาทไม่ได้ เพราะสมัย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่วันนั้นแข็งแกร่งก็เคยประมาท และเปรียบเสมือนกิ้งกือที่เดินตกท่อมาแล้ว
ปัจจัยสุดท้าย คือ ปัจจัยที่อยู่นอกเหนือความควบคุม ทั้งปัจจัยการแทรกแซงจากภายนอก ปัจจัยที่เหนือการคาดเดา รวมถึงปัจจัยที่มิอาจพูดถึงได้ในวงกว้าง
ทั้งสามปัจจัย ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองในเชิงลึก เพื่อเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งใหม่ หรือเตรียมพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ!
พรรคการเมืองทุกพรรคในยามนี้ รวมถึงกลุ่มการเมืองแต่ละกลุ่ม จึงตระเตรียมองคาพยพกันอย่างคึกคักยิ่ง
คึกคักเสมือนหนึ่งปี่กลองการเลือกตั้ง…จะถูกโหมขึ้นเร็วๆนี้
คึกคักเสมือนหนึ่งเห็นทิศทางการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแล้ว
คึกคักกระทั่งการเตรียมข้อมูล…การเก็บข้อมูลที่สำคัญต่อการเลือกตั้ง
เพราะการเลือกตั้งใหญ่ 2 ครั้งที่ผ่านมา สะท้อนภาพชัดยิ่งว่าชัยชนะของอดีตพรรคอนาคตใหม่และชัยชนะของอดีตพรรคก้าวไกล ล้วนเกิดจากการวางแผนการสังเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด จนสามารถจับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน และเอาชนะในพื้นที่สำคัญได้อย่างเด็ดขาด ด้วยชุดข้อมูลที่แม่นยำและเป็นวิทยาศาสตร์
ขณะที่การเมืองแบบเก่า นอกจากการยึดโยงกับชุดข้อมูลเดิมๆแล้ว ยังละเลยพื้นที่และประมาทคู่แข่งอีกด้วย…
ผลการเลือกตั้งอบจ.ทั่วประเทศที่ผ่านมา ข้อมูลการเลือกตั้งทุกเขต ทุกจังหวัด จึงเป็นข้อมูลสำคัญที่บางพรรค เริ่มนำมาสังเคราะห์และลงลึกในรายละเอียด
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ในแต่ละพื้นที่ ทุกคะแนน ทุกพื้นที่ ถูกเก็บเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์อย่างละเอียด
รวมทั้ง การเลือกตั้งระดับเทศบาล ที่จะมีขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม ที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรีเกือบทั่วประเทศ เพื่อเก็บข้อมูลซ้ำอีกครั้ง
ชุดข้อมูลที่จะปรากฏในการเลือกตั้งระดับเทศบาล จึงจะบอกได้อีกครั้ง หรือวิเคราะห์ได้อีกรอบว่า พรรคใดจะได้เปรียบ หรือพรรคใดมีแนวโน้มจะชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป
การเมืองยามนี้ จึงมิอาจบอกว่าชัดว่า อาศัยเพียงข้อมูลการเลือกตั้งอบจ.ครั้งที่ผ่านมา จะตัดสินได้ว่า นี่คือ ชัยชนะสีน้ำเงิน เหมือนครั้งเลือกตั้ง สว.
หรือความพ่ายแพ้บางจังหวัดในภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ความพ่ายแพ้ที่เชียงราย หรือชัยชนะหวุดหวิดที่เชียงใหม่ คือ ความพ่ายแพ้ของ ทักษิณ หรือ เป็นเพราะ “ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง”
ขณะเดียวกันก็บอกไม่ได้ว่า ชัยชนะเพียงจังหวัดเดียวที่ลำพูน ของพรรคประชาชน คือ ความนิยมของพรรคประชาชนที่ลดลง และจะส่งผลต่อการเลือกตั้งใหญ่รอบหน้า
เพราะผลแพ้-ชนะ ของการเลือกตั้ง อบจ.รอบนี้ เป็นเพียงชุดข้อมูลหนึ่ง สำหรับนำมาประกอบเพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเท่านั้น
เมื่อสัญญาณการเมืองเริ่มเดือด…เมื่อคอการเมืองเห็นตรงกันว่า ศึกใหญ่ในการเลือกตั้งทั่วไปอาจเกิดเร็วขึ้น
EP.หน้า มาว่ากันด้วยเรื่อง Data War สงครามข้อมูลที่กำลังเป็นปัจจัยหลัก ที่จะกำหนดแพ้-ชนะในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป