ฝ่ายค้าน ที่มีพรรคประชาชนเป็นแกนนำ มีกำหนดยื่นอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์นี้
เมื่อวาน (18 ก.พ.68) ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งทำหน้าที่ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้เปิดข้อมูลแย้มออกมาบ้างแล้วว่า จะไม่ยื่นอภิปรายทั้งคณะ เพราะมากเกินไป แต่จะอภิปรายเป็นรายบุคคล โดยเล็งเอาไว้ราว ๆ 10 คน
ส่วนนายกฯ อิ๊งค์ ซึ่งอยู่ระหว่างนำครม.ไปประชุมสัญจรที่จ.สงขลา ตอบคำถามนักข่าวแบบผ่อนคลายว่า ได้เก็งข้อสอบล่วงหน้าไว้อยู่บ้าง เพราะให้เข้าไปแบบตัวเปล่าคงไม่ได้ แต่ไม่ได้บอกว่าเก็งเรื่องอะไรไว้
"ไม่บอก เราจะไม่เฉลยข้อสอบก่อน"?!
แม้ต่างฝ่ายจะยังอุบเงียบเป็นความลับไว้ เพราะเป็น "ศึกแรก" ด้วยกันทั้งคู่ แต่งานนี้ความกดดันคงตกหนักอยู่กับฝ่ายค้านมากกว่า ไม่ใช่เพราะเป็นการเปิดซิงผู้นำฝ่ายค้านป้ายแดง "แม่ทัพเท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือต้องทำศึกในท่ามกลางปัญหารุมเร้าจากคดีความในป.ป.ช.ที่เรียก 44 สส.สีส้มเดิม ไปรับทราบข้อกล่าวหา
แต่ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งแรกในรอบสองปีของสภาชุดนี้ และในท่ามกลางเสียงครหาเป็น ฝ่ายค้านเทียม อันสืบเนื่องมาจากดีลลับฮ่องกง ที่แกะอย่างไรก็สลัดไม่ออก
ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหนนี้ จึงเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของฝ่ายค้าน ที่นอกจากจะพิสูจน์ตัวเอง ไม่ไได้เป็นฝ่ายค้านเทียมแล้ว ยังต้องรวบรวมสรรพกำลัง เรียกฟอร์มเดิมกลับคืนมา เพราะในสมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลนั้น ได้สร้างมาตรฐานเอาไว้สูง
แต่มาวันนี้ ภายใต้การนำของ แม่ทัพเท้ง บทบาทการทำหน้าที่ในสภาของสส.พรรคส้ม ดูจะขาด ๆ เกิน ๆ หามาตรฐานเดิมไม่เจอ การซักฟอกรัฐบาลหนนี้ จึงมีความหมายอย่างมากสำหรับพรรคส้ม
หากคืนฟอร์ม ทำได้ดี เท่ากับใช้กระสุนนัดเดียวจะได้นกถึงสองตัว คือ ตัวแรก ลบครหาเรื่องฝ่ายค้านเทียม ตัวที่สอง เรียกศรัทธาที่หายไปกลับคืนมา ให้เป็นพรรคทางเลือกของประชาชน ไม่ต้องหนีไปกาช่อง "โหวตโน" เหมือนเลือกตั้ง อบจ.ที่ผ่านมาอีก
เอาเป็นว่า ฝ่ายรัฐบาลคงทำตัวแบบชิล ๆ ยิ่งได้ล้างใจเรื่องสนามกอล์ฟเขาใหญ่ ขอโทษขอโพยกันไปแล้ว แถมไม่ติดใจเรื่องการเสนอญัตติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาสภาอยู่ของพรรคเพื่อไทย
"หากมีการบรรจุวาระและเลื่อนการพิจารณาขึ้นมา พรรคภูมิใจไทยก็ร่วมโหวต"
"เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามนักข่าวที่หาดใหญ่ หลังประชุมครม.สัญจร จ.สงขลา พร้อมพูดถึงวงข้าวมื้อค่ำพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ว่า "นายกฯ เป็นเจ้าภาพ แต่ผมเป็นเจ้ามือตามคิว"
เมื่อทุกอย่างในรัฐบาลลงตัว แถมมีบางคนโยงไปถึงเหตุการณ์ในสภาสูงเมื่อวาน ที่มีการขอถอนญัตติ "ป่วยทิพย์" ออกจากการพิจารณา ก็ยิ่งนำไปจับแพะชนแกะ แฮปปี้เอนดิ้งสภาสีน้ำเงินกันไปอีก
จนเป็นที่มาของพาดหัวข่าว สองพรรคใหญ่จูบปาก!!
งานนี้ก็เหลือแต่ฝ่ายค้าน ที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองผ่านการทำศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถ้าจะให้เก็งข้อสอบแทนรัฐบาลว่าจะเอาจริงแค่ไหน อย่างแรกเลย ต้องรอดูญัตติในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ก่อนว่า จะจับรัฐมนตรีคนไหนขึ้นขาหยั่งบ้าง และกี่คน
เพราะถ้ามีมากถึง 10 คน อย่างที่พูดไว้ งานนี้แสดงว่าไม่ได้หวังมรรคผล นิพพานอะไร คงต้องการทำเป็นอีเว้นท์การเมืองเสียมากกว่า เพราะเป็นเป้าใหญ่ กระจายมากจนเกินไป
ในทางกลับกัน หากวางยุทธศาสตร์ตีเฉพาะเป้าใหญ่ อภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว หรืออย่างมากก็แถมรัฐมนตรีอีกไม่เกิน 1-2 คน ที่อยู่พรรคเดียวกับนายกฯ
เอาเป็นว่า ตีเฉพาะหัว โดดเดี่ยวเพื่อไทย เล่นงานแค่พรรคเดียวว่าอย่างนั้นเถอะ
ถ้าทำอย่างที่ว่านี้ ก็น่าจะเกิดดอกออกผลได้บ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายค้านจะมีข้อมูลมาเล่นงานได้ขนาดไหน ต้องเอาชนิดที่อภิปรายนายกฯ แล้วสะเทือนไปถึงพ่อนายกฯ และเขย่ารัฐบาลให้สะเทือนเรือนลั่นกันไปเลย ประมาณนั้น
แต่อย่าบ้าจี้ไปทำตามที่ผู้สันทัดกรณีบางรายชี้ช่องให้ซักฟอกเฉพาะ 2 พรรคร่วม "ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ" ไม่แตะเพื่อไทย เพื่อขับไสไล่ส่งสองพรรคไปให้พ้น ๆ ทาง แล้วเอาพรรคส้มเข้าเสียบร่วมรัฐนาวาแทน
ขืนทำตามมีหวังไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มีแน่!!
ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ถูกคว่ำด้วยมือของฝ่ายค้านในสภา มีแต่ข้อมูลเท่านั้น ที่จะเขย่าศรัทธา ทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล จนนำไปสู่การเปลี่ยนแแปลงทางการเมืองในเวลาถัดไปได้
สัปดาห์หน้ารอดูว่าฝ่ายค้าน จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบไหนกัน?!