‘ทักษิณ’ โม้หรือของจริง 200 เสียงเอามาจากไหน?

18 พ.ย. 2567 - 03:00

  • อุดรธานีโมเดล’ปลุกผีคนเสื้อแดง

  • มีสัญญาณที่พอจับต้องได้อยู่บ้าง

  • หวังทวงแชมป์ภาคอีสานให้พรรคเพื่อไทยมากกว่า

Deep Space ‘ทักษิณ’ โม้หรือของจริง-SPACEBAR-Hero.jpg

ไม่ว่าใครจะมองการประกาศคำโตของ ‘พ่อใหญ่แม้ว’ ทักษิณ ชินวัตร บนเวทีปราศรัยที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี ในวันก่อนอย่างไรก็ตาม ซึ่งฟังดูแล้วมีทั้งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้

บางรายมองเป็นแค่คำพูดของนักการเมืองที่ต้องพูดให้ใหญ่ไว้ก่อน เช่น แลนด์สไลด์ เป็นต้น แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินในวันเลือกตั้ง ก็คงเป็นไปตามนั้น และในอดีตได้เห็นนักการเมืองเอาปี๊บคลุมหัวมานักต่อนักแล้ว 

เพียงแต่คำประกาศของทักษิณหนนี้ ไม่ได้พูดขึ้นแบบลอย ๆ หากมีสัญญาณที่พอจับต้องได้อยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดก็พูดในขณะที่เป็นรัฐบาล และเวลาที่เหลืออยู่อีกครึ่งค่อนทางกว่าจะเลือกตั้ง ก็น่าจะสร้างผลงาน เสกคาถาประชานิยม พลิกสถานการณ์ทวงแชมป์เลือกตั้งกลับคืนมาได้

โดยเฉพาะการไปประเดิมเวทีปราศรัยที่ จ.อุดรธานี ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คอการเมืองต่างสรุปตรงกันว่า ไม่ได้ไปเพื่อช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายกอบจ.แต่ต้องการใช้เป็น ‘อุดรธานีโมเดล’ปลุกผีคนเสื้อแดง ทวงแชมป์ภาคอีสานให้พรรคเพื่อไทยมากกว่า

เมื่อยึดภาคอีสานที่มีสส.มากที่สุดได้ อย่าว่าแต่ 200 เสียง หรือแชมป์เลือกตั้ง ถ้าทำได้ย่อมการันตีไปถึงการกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งได้สบาย ๆ 

เพราะดูจากการแบ่งที่นั่งสส. 400 เขต ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ภาคกลางมีสส.ได้ 122 คน ภาคเหนือ มี 39 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 132 คน ภาคตะวันออก มี 29 คน ภาคตะวันตก มี 20 คน และภาคใต้ มี 58 คน

ต่อให้เพื่อไทยได้สส.อีสานมาแค่หนึ่งร้อย ไม่ต้องครบทุกเขต เมื่อนำไปรวมกับภาคอื่น ๆ และบัญชีรายชื่ออีกจำนวนหนึ่ง โอกาสจะได้สส.ถึง 200 คน จึงมีความเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ดูยิ่งเป็นใจให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคสีส้มคู่แข่ง อยู่ในภาวะที่ง่อยเปลี้ยเสียขา ขาดความเฉียบคม ผลิตผลงานไม่ออก หลังถูกยุบพรรครอบสอง และการส่งไม้ต่อให้กับผู้นำคนใหม่ ไม่ราบรื่น

ไม่ต่างกับการวิ่งผลัด 400 เมตร การส่งไม้ต่อจาก ‘ธนาธร-พิธา-ชัยธวัช’ เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีอะไรสะดุด แต่พอมาถึง ‘สส.เท้ง’ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กลับทำไม้หล่น และป่านนี้สภาปิดสมัยประชุมไปแล้ว กำลังจะได้เวลาเปิดสมัยประชุมใหม่อีกรอบในวันที่ 12 ธันวาคมนี้

แต่ผู้นำพรรคสีส้มคนใหม่ยังควานหาไม้ที่จะวิ่งไปต่อไม่เจอ!!

หากเปรียบการผลัดเปลี่ยนผู้นำจากรุ่นสู่รุ่นของพรรคสีส้มหนนี้ ที่สะดุด ติด ๆ ขัด ๆ คงเป็นเหมือนการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด จึงทำให้แม้จะผ่านไปหลายเดือน แต่ยังสาละวนอยู่กับการจัดทัพไม่เสร็จเสียที

และหากพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ถึงคราวเคราะห์หามยามร้ายมาเยือน ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 40 สส.พรรคก้าวไกล เรื่องฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงจากปมคดีมาตรา 112 จำนวนไพร่พลที่เหลืออยู่น้อยเต็มที ก็จะทำให้ขาดมวยหลักไปอีกหลายคน

ลำพังกองกำลังเท่าที่มีอยู่ของพรรคสีส้มเวลานี้ ก็ลำบากมากพออยู่แล้ว ถ้าจะต้องเอาออกจากสนามไปอีก คงไม่สามารถสร้างคนรุ่นใหม่หรือเติมแถวสามแถวสี่ ให้ขึ้นมาขับเคลื่อนนำพาพรรคไปต่อได้ทัน

ด้วยเหตุนี้ พรรคสีส้ม ที่เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและเอาชนะพรรคเพื่อไทยมาแล้ว ก็จะไม่ใช่พรรคคู่แข่งของเพื่อไทยอีกต่อไป เว้นเสียแต่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่จัดทัพ แต่งตัวใหม่ได้ทัน เรียกศรัทธากลับมา เป็นขวัญใจคนเดิมได้อีกครั้ง 

แต่คงยากพอ ๆ กับไทย-กัมพูชา เจรจานำพลังงานใต้ทะเลขึ้นมาแบ่งกันนั่นแหล่ะ

ในเมื่อสส.พรรคสีส้ม จำนวน 132 ที่นั่ง หายไปไม่รู้จะกี่มากน้อย ซึ่งส่วนใหญ่ไปตีมาจากฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทยทั้งนั้น ก็ย่อมเป็นโอกาสของคนเพื่อไทยที่จะทวงคืนเก้าอี้เดิมของตัวเองกลับมา

ส่วนพรรคอื่น ๆ ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และประชาธิปัตย์ ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาชิงแชมป์ อย่างมากคงได้แค่สู้เพื่อรักษาเก้าอี้เดิมไว้ และบางพรรคอาจถึงคราวต้องล้มหายตายจากไปด้วยซ้ำ  

แม้แต่พรรคสีน้ำเงินอย่างภูมิใจไทย ที่ตอนหลังได้น้ำจากการถือดุลอำนาจในสภาสูง จึงไปไล่ทุบเอาในหลาย ๆ เรื่อง จนเกิดอาการขบเหลี่ยม เหยียบตาปลากับพรรคเพื่อไทย ชนิดที่ฝ่ายหนึ่งกินมาม่า อีกฝ่ายกินไวไว ไปด้วยกันลำบาก

ล่าสุดพรรคสีน้ำเงินสะดุดเรื่องที่ดินรถไฟเขากระโดง จึงเป็นทีของพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายกลับขึ้นขี่บ้าง และทำท่าจะเอาถึงตาย ไม่ใช่แค่แลกกันคนละหมัด หรือผลัดกันเกาหลังอย่างที่ผ่านมาเท่านั้น

ในยามที่พรรคสีส้มคู่ปรับเก่า อยู่ในภาวะที่ถดถอย พรรคสีน้ำเงิน ก็เจอขวากหนามใหญ่ถูกเขากระโดงทับ หากภูมิใจไทยไม่สามารถดิ้นหลุดจากที่ดินรถไฟเขากระโดงได้ แม้จะได้ชื่อเป็นพรรคสีน้ำเงินก็เถอะ

แต่จากกรรมเก่าที่สร้างไว้มากมาย ไล่มาตั้งแต่ ‘ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ’ เน-เนรคุณ และวาทะ ‘มันจบแล้วครับนาย’ ที่มาถึงวันนี้ความบาดหมางก็ยังไม่จบ 

ต่อจากนี้ภาพความเป็นกลุ่มการเมืองสีเทาในทุกเรื่องของภูมิใจไทย จะถูกขุดขึ้นมาชนิดที่ความเป็นสีน้ำเงินไม่อาจช่วยอะไรได้ เพราะสีเทามันกินลึกเข้าไปถึงเนื้อใน

เมื่อภูมิใจไทย เป็นอีกพรรคที่ถูกเสียบสกัด และแม้จะยังมีเครือข่าย บวกกับความสามารถทางการจัดการสูง แต่ก็คงถูกปิดล้อมจากนายเก่าอย่างหนัก ดังนั้น อย่างมากก็คงทำได้แค่รักษาที่นั่งเดิมเอาไว้ให้ได้มากเท่าที่จะทำได้

ทั้งหมดจะเป็นคำตอบที่ว่า 200 เสียงของเพื่อไทยจะมาจากไหน ก็มาจากเสียงที่หายไปของพรรคสีส้มและพรรคสีน้ำเงินนั่นแหล่ะ

แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ตราบใดที่พ่อใหญ่แม้วยังแกว่งปากไม่มีหูรูดเป็นปกติวิสัยต่อไป หากวันใดบังเอิญไปกระตุ้นต่อมหมั่นไส้ชาวพารา และถูกจุดติดขึ้นเป็นไฟลามทุ่ง

ถ้าแบบนี้สองร้อยเสียงที่หวังไว้ก็หายวับไปได้เหมือนกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์