การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของ แพทองธาร ชินวัตร ทายาทรุ่น 3 ของตระกูลชินวัตร ที่มาก่อนเวลาอันควร จากอุบัติเหตุการเมืองนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ตกเก้าอี้ด้วยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ชนิดไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว
จึงทำให้ ‘อิ๊งค์-แพทองธาร’ เป็นตัวเลือกสุดท้ายในมือของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ว่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้าย ที่ถูกบีบให้หงายหรือเต็มใจทิ้งลงมาเองก็ตาม
แต่ดูจากท่วงทำนองการเคลื่อนไหวและคำพูดหลาย ๆ ประโยคของทักษิณ ผู้ประกาศครอบครองนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ ‘ครอบงำ’ ทั้งจากการให้สัมภาษณ์และจากเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ประเทศไทย 2024 ได้สะท้อนความมั่นใจในทุกเรื่องแบบเอาอยู่ ขนาดออกปากท้าทายเหล่านักร้องทั้งหลายไว้
ถ้าจะร้องเอาผิดต้องร้องให้ดัง ๆ ถ้าเสียงไม่ดังพออย่าริมาร้อง ประมาณนั้น
การกลับมาเที่ยวนี้ของทักษิณ ที่ชีวิตผ่านทั้งนรกและสวรรค์ในเวลาเดียวกันมาแล้ว จึงดูมีความมั่นใจสูงอย่างมาก แม้แต่เรื่อง ‘รัฐประหาร’ ก็ยังกล้าการันตีให้ได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลที่มีลูกสาวตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี
ด้วยความมั่นใจที่ว่า จึงทำให้ทักษิณกลายเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษในทางการเมือง เป็นผู้คงกระพัน ยิงแทงไม่เข้า ฉีกได้ทุกกฎในบรรดากฎเหล็กทั้งหมดที่มีอยู่ โดยเฉพาะคำว่า ‘ผู้ใด’ ที่บัญญัติเป็นข้อห้ามไว้ในกฎหมาย ที่เหล่าพรรคการเมืองต่างยำเกรง เพื่อไม่ให้มีปัญหาถูกร้องยุบพรรค
แต่ดูเหมือนกฎเหล็กที่ว่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้กับคนชื่อทักษิณได้ เพราะแคล้วคลาดปลอดภัยมาตลอด แม้จะเดินไต่เส้นลวดอยู่ตลอด หลังเดินทางกลับถึงไทยตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566
ยิ่งในการปาฐกถาพิเศษที่ผ่านมา แม้จะออกตัวว่าทั้งหมดที่พูดเป็นเพียงข้อเสนอการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศในมุมมองของตัวเองเท่านั้น แต่ดูจากภาพรวมทั้งหมด มันคือ ‘พิมพ์เขียว’ ที่จะถูกนำไปใช้ขับเคลื่อนประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ในเร็ว ๆ นี้
ค่ำคืนนั้น บนเวทีโชว์วิสัยทัศน์ทิศทางประเทศไทย จึงเป็นทั้งการ **‘เคาะ’**โผครม.ชุดใหม่ให้สะเด็ดน้ำ แม้บนหน้าสื่อจะยังไม่ลงตัว เพราะรอผ่านพิธีกรรมเทียบเชิญบางพรรคอยู่ และยังเป็นกึ่งๆ การแถลงนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ไปด้วยในตัวแบบม้วนเดียว
ที่เห็นได้ชัดคือ การแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เจอโรคเลื่อนจากสาระพัดปัญหามาแรมปี ก็ได้รับคำตอบสุดท้ายชัดเจนในค่ำคืนนั้น จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ที่การแจกเงินหมื่นต้องถูกเลื่อนมาอย่างไม่มีกำหนดนั้น
เพื่อรอให้ ‘เวสสันดรการเมือง’ มาตัดริบบิ้นแจกด้วยตัวเองหรือเปล่า?
นอกจากนั้น การเข้ามากระชับอำนาจแบบเบ็ดเสร็จหนนี้ของทักษิณ ไม่เพียง ‘ริบดาบคืนจากน้องสาว’ ที่มีบทบาทสูงในการชี้นำรัฐบาลชุดที่แล้วอย่างมาก
การจัด ครม.ใหม่ ยังถือโอกาสชำระบัญชี ‘แค้น’ ทางการเมืองไปพร้อมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ ที่ 6 สส.ไทยสร้างไทย พร้อมใจกันแหกมติพรรค โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ซึ่งไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากต้องการฉีกหน้าคุณหญิงหน่อย
เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ตอนนี้อยู่ในภาวะป้อมค่ายถูกตีแตกจากภายใน ก็เป็นการเอาคืน ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ คนที่มีบ้านอยู่ในป่า ที่ถูกมองเป็นผู้สร้างความวุ่นวายให้กับการเมืองมาตลอดในสายตาของทักษิณ
และงานนี้ที่พลาดไม่ได้คือ ‘ชวน หลีกภัย’ ผู้อาวุโสแห่งค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่เป็นคู่ปรับเก่าทางการเมืองและยืนซดหมัด ต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอดสองทศวรรษ วันนี้ถึงคราต้องกระอักโลหิต เมื่อผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันไปสวามิภักดิ์ นำพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
งานนี้ไม่เว้นแม้แต่ ‘สื่อค่ายใหญ่’ ที่ในอดีตเคยเป็นคู่ปรับเก่า เมื่อวันเวลาผ่านไป แม้ผ่านการถ่ายเลือดไปหลายรอบ แต่ยังพะยี่ห้อเดิมอยู่ จึงจับมาขี่เล่น เอามาอยู่ใต้อาณัติเสียเลย
เหลือเจ้าของวลีเด็ด ‘มันจบแล้วครับนาย’ ที่วันนี้อยู่ระหว่างซึมลึกดึงเอาคนใกล้ตัวเข้ามาอยู่ในโอวาทก่อน รอวันที่จะเป็นฝ่ายพูดบ้างว่า ‘มันจบแล้วเน’ ในอีกไม่นานต่อจากนี้
หลังสางแค้นเก่า เก็บดาบเข้าฝักเสร็จ ก็ได้เวลาเดินหน้าโชว์ฝีมือบริหารประเทศ เรียกคืนความรู้สึกดี ๆ ในอดีตกลับมา โดยผ่านผู้นำหน้าเหมือนที่มีดีเอ็นเอเดียวกัน
แต่การเดินการเมืองแบบอหังการ์ของทักษิณ ที่ ‘ไต่อยู่บนเส้นลวด’ ตลอด แถมยังสร้างศัตรูใหม่ เพิ่มกระแสหมั่นไส้ไม่รู้จบ หากวันไหนหมดความจำเป็น หรือเป็นสิ่งของที่ถูกเลิกใช้ การกระทำแบบฉีกทุกกฎในวันนี้ คือใบเสร็จ ที่จะถูกนำมาเช็คบิลในวันข้างหน้า
ส่วนจะช้าหรือเร็ว ไม่ต้องรอให้นายกฯ คนใหม่ เข้าทำงานอย่างเป็นทางการก่อน เพราะมีนักร้องรับคำท้าทักษิณ ไปยื่นกกต.ยุบพรรคเพื่อไทยแบบสวนควันปืนไปแล้ว
ส่วนนายกฯ อิ๊งค์ พอตั้งครม.เสร็จ คงมีคนนำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 17/2567 ไปยื่นสอยทันทีอีกเหมือนกัน วันนี้คอการเมืองเริ่มขยับจะเปิดโต๊ะแทงล่วงหน้ากันแล้วว่า รัฐนาวา ‘อิ๊งค์-แพทองธาร’ จะอยู่ได้กี่เดือน?!