ชาญ พวงเพ็ชร์ กว่าจะฝ่าด่านเข้าสู่ตำแหน่งนายกอบจ.ปทุมธานี สมัยที่ 4 ในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 203,032 คะแนนได้ ไม่ใช่ของง่าย ๆ โดยเอาชนะคู่ปรับเก่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายก อบจ.ปทุมธานีหมาด ๆ ที่มีคะแนนไล่หลังมาติด ๆ ที่ 201,212 คะแนน
แพ้-ชนะ กันที่ 1,820 แต้มเท่านั้น
งานนี้หากย้อนไปดูเบื้องหลังการต่อสู้แล้ว มีการ ‘หักเหลี่ยมเฉือนคม’ กันมากมาย ไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่าง ‘ลุงชาญ-บิ๊กแจ๊ส’ เท่านั้น แต่ทั้งสองเสมือนเป็นตัวแทนในสงครามระหว่าง ‘ค่ายสีแดง กับค่ายสีน้ำเงิน’ ฝ่ายหนึ่งทำสงครามสั่งสอน ส่วนอีกฝ่ายสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีคืน หลังปราชัยในสนาม สว.มาหมาด ๆ ชนิดที่แผลยังไม่ทันแห้ง
จึงทำให้ฝ่ายหลังสู้แบบถวายหัวและกู้หน้าคืนได้สำเร็จ แม้จะชนะอย่างทุลักทุเลก็เถอะ
แต่ดูจากข้อความในโพสต์ของชาวสีส้ม จ.ปทุมธานี ที่เอาคะแนนของผู้ชนะและผู้แพ้มาเรียงกัน แล้วนำคะแนน ‘โหวตโน’ จำนวน 32,885 คะแนน มาปะกบไว้ข้างใกล้ ๆ กัน พร้อมข้อความว่า ‘คำรณวิทย์’ จักจดจำก้าวไกลไปอีกนาน?
เหมือนต้องการสื่อให้เห็นว่า แพ้-ชนะของทั้งคู่เกิดจากคะแนนโหวตโนตรงนี้้ โดยเฉพาะคนแพ้อย่าง ‘บิ๊กแจ๊ส’ ที่ถูกเอ่ยถึงจักจดจำไปอีกนานนั้น น่าจะได้รับผลโดยตรงมากกว่า เพราะหากสามหมื่นกว่าคะแนน ไม่ไปกาในช่องโหวตโน ‘บิ๊กแจ๊ส’ คงไม่ประสบกับชะตากรรมเยี่ยงนี้
เอาเถอะ วันนี้ไม่ว่าใครจะต้องการสั่งสอนใคร ก็ให้ไป ‘เช็กบิล’ กันเอาเอง แต่สำหรับคนแพ้กับคนชนะ ต่างไม่มีอะไรต้องติดใจกันแล้ว โดยเฉพาะ ‘บิ๊กแจ๊ส’ ได้ประกาศยอมรับผลการเลือกตั้ง พร้อมแสดงความยินดีกับผู้ชนะไปตั้งแต่กลางดึกในคืนวันเลือกตั้งแล้ว
เช่นเดียวกับ ‘ลุงชาญใจดี’ ที่ได้แสดงความขอบคุณทุกคะแนนเสียงไปแล้วเช่นกัน
แต่การหวลคืนสู่เก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี สมัยที่ 4 ของลุงชาญ เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง เพราะมีการไป ‘ขุดคุ้ย’ คดีความสมัยดำรงตำแหน่งนายก อบจ.เที่ยวที่แล้ว ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ เมื่อปี2555 ปัจจุบันคดีอยู่ในศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 โดยได้ยื่น **‘ประกันตัว’**ออกมาระหว่างสู้คดี
คำถามคือ ในกรณีนี้เมื่อศาลได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องไปแล้ว และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ‘ชาญ พวงเพ็ชร์’ จะสามารถเข้า ‘ปฏิบัติหน้าที่’ ในตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ได้หรือไม่?
เบื้องต้นมีการหารือกันในส่วนราชการและให้ความเห็นว่า
‘ถึงแม้ว่าขณะที่ศาลอาญาฯ ได้มีคำสั่งประทับฟ้อง นายชาญ พวงเพ็ชร์ จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ปทุมธานี ก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อนายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเดิมในอีกวาระหนึ่ง นายชาญ พวงเพ็ชร์ จึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2561ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565’
ขณะที่เรื่องเสร็จที่ 1486/2565 ที่อ้างถึงมีรายละเอียดความว่า
เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่น ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 สรุปได้ว่า
‘การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารท้องถิ่นในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา และต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ประทับฟ้องในคดีอาญาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาได้พ้นจากตำแหน่งเดิมไปแล้วและได้รับการเลือกตั้งใหม่และอยู่ระหว่างการดำรงตำแหน่งเดิมในวาระใหม่นั้น
ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยผลของมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัยและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561’
ขณะที่ในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ทำหนังสือชี้แจงถึง รมว.มหาดไทย เช่นกัน โดยข้อแรก ชี้แจงถึงการถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและศาลประทับรับฟ้องไว้แล้ว แต่ทำไม ชาญ พวงเพ็ชร์ ยังสมัครเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ได้อีกว่า
‘เพราะคดียังไม่ถึงที่สุดและไม่ได้ถูกคุมขังโดยหมายศาล อีกทั้ง ไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่มีลักษณะต้องห้าม และสามารถลงสมัครได้’
ส่วนข้อที่สอง ได้ชี้แจงเหตุที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ปทุมธานี หลังได้รับการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า
‘การที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้กระทำความผิดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ. ปทุมธานี ในวาระก่อน และศาลอาญาฯ ได้ประทับฟ้องนายชาญ เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม แม้ต่อมาเมื่อนายชาญ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ในอีกวาระหนึ่ง นายชาญ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ม. 81 และม. 93 เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565’
จากเหตุผลที่ว่าข้างต้นทำให้ ชาญ พวงเพ็ชร์ หรือลุงชาญใจดี แม้จะฝ่าสารพัดด่านเข้ามาเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี สมัยที่ 4 ได้ แต่ก็คงไม่มีโอกาสได้ทำงาน เพราะวันที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ จะเป็นวันเดียวกับที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีเช่นกัน
