สังคม ‘ศรีธนญชัย’ ปลุกกระแส สว.สีส้ม

25 เมษายน 2567 - 08:37

senate-parliament-thailand-thanathorn-SPACEBAR-Hero.jpg
  • พรรคก้าวไกลก็ยังมีความพยายามต่อเนื่องในการเลือก สว. 2567

  • เปิดตัวด้วยแคมปญ สว.ประชาชน หรือ สว.สีส้ม ลงสู่การแข่งขัน

  • คาดหวัง 70 เสียง สว. เพื่อเข้าควบคุมสภาสูง เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ

ย้อนไปสมัยอดีตคำว่า ‘ตัดสิทธิการเมือง’ จะมีความหมายกินความทั้งกว้างและลึก เรียกว่าครอบจักรวาลกันเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญคำ ๆ นี้จะมีความขลังอย่างมาก ชนิดที่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองกันจริง ๆ

โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ชุดแรก ที่เรียกกันว่า ‘5 เสือกกต.’ มี ธีรศักดิ์ กรรณสูต เป็นประธาน พร้อมกับ กกต.อื่นอีก อาทิ สวัสดิ์ โชติพานิช, ยุวรัตน์ กมลเวช และวิสุทธิ์ โพธิแท่น ร่วมอยู่ในกกต.ชุดดรีมทีมนี้ด้วย เป็น กกต.ชุดแรกที่ได้สร้างมาตรฐานไว้สูงมาก ชนิดที่นักการเมืองใครที่ถูกตัดสิทธิ ย่อมเกิดพุทธิปัญญากันได้เองว่า อะไรที่ทำได้บ้าง และอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง

ถึงขนาดที่อย่าว่าแต่ไปช่วยเดินหาเสียงเลย แม้แต่ไปตั้งเวทีปราศรัยแท้ ๆ ผู้สมัครยังไม่อยากให้คนที่ถูกตัดสิทธิเดินผ่านหน้าเวทีหาเสียงด้วยซ้ำ เพราะกลัวจะถูกนำไปร้องเอาผิดกับ กกต.

แต่ต่อมา กกต.ชุดหลัง ๆ มาตรฐานเปลี่ยนไปหรืออาจจะเป็นเพราะการตีความกฎหมายคนละมุมหรือเปล่า จึงทำให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิการเมืองไปเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ รวมทั้ง ไปทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง แม้แต่ไปขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงในฐานะ ‘ผู้ช่วยผู้สมัคร’ กกต.ก็เปิดช่องให้ทำได้

มียกเว้นเพียงไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งใดทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งต่างจากในอดีตที่ทำได้อย่างเดียวคือ การไปลงคะแนนเลือกตั้งในฐานะพลเมืองเท่านั้น

จากการตีความกฎหมายของ กกต.ปัจจุบัน จึงทำให้วันนี้ ผู้ที่ถูกตัดสิทธิการเมืองสามารถทำได้ทุกอย่าง ทั้งการจัดตั้งเป็น ‘กลุ่มการเมือง’ ในนามของคณะนั้น คณะนี้ แล้วส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น เพราะไม่ได้กระทำในนามของพรรคการเมือง และเป็นการเมืองในระดับท้องถิ่น ที่ไม่ใช่ระดับชาติ

ล่าสุดที่กำลังรณรงค์เรื่องเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) เพื่อสร้างปรากฎการณ์ ‘สว.สีส้ม’ กันโจ่งครึ่มเวลานี้ โดยผ่านแคมเปญ ‘1 ครอบครัว 1 สว.’ มีการออกเดินสายกันถี่ยิบทั้งในกทม.และต่างจังหวัด เพื่อหวังจะได้คนของตัวเองในนามเรียกขาน ‘สว.ประชาชน’ เข้าไปอยู่ในสภาสูงให้ได้ไม่ต่ำกว่า 70 คน

ทำไมต้อง 70 คน ก็เพราะจะได้เข้าไปคุมสภาสูง อย่างน้อยการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องใช้เสียงสว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของวุฒิสภาจำนวน 200 คน ก็จะไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป ยังไม่นับการแต่งตั้งองค์กรอิสระ และตำแหน่งสำคัญ ๆ ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบหรือได้รับการรับรองจากสภาสูงด้วย

ทีนี้ประเด็นสำคัญ คือ วุฒิสภาหรือสภาสูง ถูกออกแบบเอาไว้ให้ทำหน้าที่เป็นสภา ‘กลั่นกรอง ตรวจสอบ’ และ ‘ถ่วงดุล’ กับสภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น จึงให้เป็นสภาที่ปลอดจากฝ่ายการเมือง ซึ่งทั้งหมดถูกกำหนดไว้ในคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สว.อย่างละเอียดยิบ

กล่าวคือ ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ถ้าเคยเป็นผู้ดำรงใดในพรรคการเมือง เคยเป็นสส. เป็นรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ต้องพ้นจากตำแหน่งนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

นอกจากนั้น ต้องไม่เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตรของผู้ดำรงตำแหน่ง สส./สว. ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้สมัครรับเลือกเป็นสว.ในคราวเดียวกัน หรือผู้ดำรงตำแหน่งในศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ

นับได้ว่าเป็นการออกแบบป้องกันคนของฝ่ายการเมืองไม่ให้เล็ดรอดเข้าไปอยู่ในสภาสูงเอาไว้หลายชั้น พอ ๆ กับด่าน 18 อรหันต์ หรือไม่ก็ค่ายกลเจ็ดดาวเลยประมาณนั้น

แต่น่าเสียดายที่ กกต.มุ่งแต่ให้ความสำคัญเรื่องขอบเขตการแนะนำตัวของผู้สมัคร อย่างไหนทำได้ ทำไม่ได้ ลงทุนถึงขั้นไปค้นคำพิพากษาศาลฎีกา ที่แจก ‘ใบดำ’ ให้กับผู้สมัคร สว.บางรายในอดีตมาเป็นตัวอย่างว่า แม้แต่การโทรศัพท์ไปหาและพูดในทำนองขอแลกเปลี่ยนการลงคะแนนให้กันในกลุ่มผู้สมัครด้วยกันก็ไม่ได้

เป็นการออกมาเตือนเพื่อไม่ให้ผู้สมัครตกม้าตายเสียก่อนจะได้เป็นสว.ว่ากันอย่างนั้น

ทว่ากับการกระทำที่ใหญ่กว่า โดยเฉพาะการเข้ามายุ่งเกี่ยวแบบหวังผลและมีเป้าหมายของผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างคณะก้าวหน้า ที่มาในนามของการรณรงค์ให้ผู้สนใจมาลงสมัคร สว.ประธานกกต. ‘อิทธิพร บุญประคอง’ กลับเห็นว่า เป็นการกระทำที่ยังไม่ขัดต่อกฎหมาย

‘แคมเปญ 1 ครอบครัว 1 สว.ก็เป็นการรณรงค์ให้คนไปสมัคร ซึ่งหากมีคนตอบรับแคมเปญแล้วสมัครเข้ามาจำนวนมาก ไม่ว่าจะมากเท่าไร กกต.ก็สามารถจัดการเลือก สว.ได้ไม่มีปัญหา’

ประธานฯ อิทธิพร ว่าอย่างนั้น ซึ่งอาจจะเล็งเห็นเฉพาะความสามารถของกกต.ในการรองรับคนจำนวนเรือนแสนที่จะเข้ามาสมัคร สว.ตามกระแสรณรงค์ พร้อมทั้ง มั่นใจมาตรการป้องกันการ **‘ฮั้ว’**หรือ ‘บล็อกโหวต’ โดยผ่าน 2 กลไกหลักตามกฎหมาย คือ ค่าสมัคร 2,500 บาท และการเลือกไขว้

แต่ท่านคงลืมนึกไปว่า กลุ่มคนที่โหมรณรงค์อย่างเป็นล่ำเป็นสันเวลานี้นั้น คือ คนที่อยู่ระหว่างถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งตัดสิทธิการเมือง แต่ยังดำรงจุดมุ่งหมายทางการเมืองของตนไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีความสัมพันธ์แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกับพรรคก้าวไกล

ทำให้โอกาสที่จะใช้สภาสูงเป็น ‘ฐานการเมือง’ ให้กับพรรคการเมืองในอนาคตจึงเป็นไปได้สูงยิ่ง 

ยุคนี้ผู้นำไม่ต้องการสังคมแบบอีแอบ แต่เรากำลังยอมรับให้มีสังคม ‘ศรีธนญชัย’ ออกมาปลุกกระแส สว.สีส้ม เข้ายึดครองสภาสูงผ่านการเลือกตั้งพิสดารที่ออกแบบกันไว้

ข่าวที่น่าสนใจ
DEEP-SPACE-แฟ้มลับแบงก์ชาติ-SPACEBAR-Thumbnail.jpg

เมื่อมีนายกฯ ชื่อ ‘เศรษฐา’ ทำไมต้องมีผู้ว่าฯ แบงก์ชาติชื่อ ‘เศรษฐพุฒิ’

Deep SPACE -- โครงการดิจิทัลวอลเล็ต สะท้อนความขัดแย้งของรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชัดเจนที่สุด หลังจากที่นายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจงโครงการนี้ ใช้เวลาสั้น ๆ เพียง 2 นาที คล้อยหลังไม่นาน บันทึก 5 หน้าของแบงก์ชาติต่อโครงการนี้ก็ออกมา แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน เหมือนกับว่าผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นตามมา หรืออีกนัยหนึ่งคือ พร้อมสู้ จากนี้ไปก็ขึ้นกับรัฐบาลว่า จะฟัง หรือ ไม่สนใจข้อเสนอแบงก์ชาติ ติดตามใน Deep SPACE..ลึกกว่าที่รู้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์