มติที่ประชุมวุฒิสภาซึ่งไม่เห็นชอบให้ “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ด้วยคะแนน 88 เสียง เห็นชอบ 80 เสียง งดออกเสียง 30 เสียง
ส่งผลให้ พล.ต.ท.ธิติ ไม่เพียงไม่สามารถฝ่าด่านวุฒิสภา เข้าไปนั่งกรรมการ ป.ป.ช.ได้สำเร็จเท่านั้น
ปฏิบัติการดับฝัน “บิ๊กจ้าว” รอบนี้ ยังเสมือนหนึ่งยุทธการเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวอีกด้วย
แต่ดวงดาวที่สะเทือนจากปฏิบัติการเด็ดดอกไม้รอบนี้ ไม่ได้สะเทือนแค่หนึ่งดวง หากยังสะเทือนไปถึงดวงดาวอีกหลายดวง
ดาวดวงแรก ที่สะเทือนชัดจากปฏิบัติการดับฝัน “บิ๊กจ้าว” รอบนี้ น่าจะกระทบตรงถึงแผนการจัดระเบียบอำนาจในคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังกรรมการ ป.ป.ช.ชุดเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นสายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เริ่มทยอยครบวาระ
ก่อนหน้านี้มีกรรมการ ป.ป.ช. หมดวาระไปถึง 5 ราย คือ
- สุภา ปิยะจิตติ
- พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง
- ณรงค์ รัฐอมฤต
- พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์
- ณัฐจักร ปัทมสิงห์
ที่ผ่านมา มีการสรรหากรรมการ ป.ป.ช.ใหม่ เพื่อทดแทนทั้ง 5 ตำแหน่ง และได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภาไปแล้ว 3 คน คือ
- แมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง
- พศวัจณ์ กนกนาก อดีตประธานศาลอุทธรณ์
- เอกวิทย์ วัชชวัลคุ อดีตประธานศาลอุทธรณ์ภาค 6
ทั้ง 3 ราย ล้วนแต่เป็นกรรมการที่ไม่ได้อยู่ในสายของ พล.อ.ประวิตร
ขณะที่ “บิ๊กจ้าว” ก็ชัดเจนว่ามีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้นหาก “บิ๊กจ้าว” ไม่สะดุดที่ สว. “บิ๊กจ้าว” ก็จะเป็นอีก 1 กรรมการ ป.ป.ช.ที่อยู่นอกสาย พล.อ.ประวิตร เช่นกัน
การโหวตล้ม “บิ๊กจ้าว” รอบนี้ จึงเท่ากับสกัดแผนจัดระเบียบอำนาจในกรรมการป.ป.ช.อย่างน้อยก็หนึ่งเสียง
นอกจากนั้นยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงอีกหนึ่งว่าที่กรรมการ ป.ป.ช.อีกคน คือ ภัทรศักดิ์ วรรณแสง ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมายสิ่งแวดล้อม อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ที่เพิ่งผ่านมติของคณะกรรมการสรรหา และกำลังรอความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภา
ด้วยสัญญาณจาก สว.รอบนี้ ยังเป็นสัญญาณที่ส่งตรงๆ แรงๆ ว่า วันนี้ สว.ยังคงมีฤทธิ์เดช สว.ยังมีอิทธิฤทธิ์เพียงพอที่จะส่งผลต่อการโหวตกรรมการในองค์กรอิสระ สว.ยังมีผลต่อการโหวตกฏหมายสำคัญของรัฐสภา
นี่คือแรงสะเทือนของยุทธการเด็ดดอกไม้ ที่สะเทือนถึงดาวดวงใหญ่ดวงนี้…
แรงสะเทือน ยังกระทบไปยังดวงดาวที่อยู่เหนือปทุมวัน กระทบไปยังบัญชีการโยกย้ายตำรวจกลางปีในเดือนเมษาฯ ที่ก่อนหน้านี้เชื่อมั่นว่า พล.ต.ท.ธิติ จะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภาได้อย่างไม่ยาก
ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่จะว่างลง เดิมมีการวางรายชื่อ พล.ต.ท.สยาม บุญสม จเรตำรวจ (สบ.8) สายตรง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ขยับมาแทนที่ “บิ๊กจ้าว” เพื่อเป็นมือไม้ในการคุมเมืองหลวงให้กับ “บิ๊กต่อ”
แต่อีกกระแสกลับมองว่า พล.ต.ท.สยาม ยังไม่น่าจะเข้ามาคุม บช.น.ในเวลานี้ เพราะถือว่าเป็นตำแหน่งร้อน และอายุราชการที่ยังเหลืออีกหลายปี ไม่ควรเสี่ยงเข้ามานั่งตำแหน่งที่อาจส่งผลต่อเส้นทางการรับราชการที่เหลืออยู่
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จึงถูกคาดว่า จะได้คืนความชอบธรรม ด้วยการขยับมานั่งตำแหน่งผบช.น.ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่เหลือแทน ส่วนพล.ต.ท.สยาม จะสลับไปเป็นผบช.ภ.1 แทน
นอกจากนั้นปลายปี เมื่อ พล.ต.ท.จิรสันต์ เกษียณอายุราชการ ก็คาดว่า จะเป็นคิวของ พล.ต.ต.นพศิลป พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.ที่เติบโตมาจากสายนักสืบ และเป็นสายตรงของพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เมื่อ “บิ๊กจ้าว” ถูกดับฝัน บัญชีโยกย้ายนายตำรวจกลางปี ที่มีการวางตัวผบช.น.เอาไว้ รวมทั้งการขยับพล.ต.ท.สยามไปดำรงตำแหน่งผบช.ภ.1 เพื่อเปิดทางให้พล.ต.ต.นพศิลป เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบช.น.ในช่วงปลายปีจึงกระทบตามไปด้วย
นี่คือ…ยุทธการเด็ดดอกไม้สะเทือนหลายดวงดาว ที่ส.ว.แผลงฤทธิ์ออกมาให้เห็น และเชื่อว่า นับจากนี้จนถึงเดือนพฤษภาฯ ยังมีอีกหมากหลายเกมที่จะเห็นกลางที่ประชุมวุฒิสภา
เพื่อส่งสัญญาณบอกว่า สว.ยังเป็นหมาก เป็นตัวละครสำคัญในเกมการเมืองและเกมชิงอำนาจ
