มาตรการตรึงค่าไฟ ลดราคาน้ำมัน ของรัฐบาล เหมือนคนขี่เสือ ขึ้นขี่แล้วไม่กล้าลงจากหลังเสือ เพราะกลัวโดนเสือกัด
เสือตัวนี้มีชื่อว่า ‘ความเดือดร้อนของประชาชน’ ที่นักการเมืองตั้งชื่อให้
ล่าสุด คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีมติให้ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรต่อไป โดยให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเงินอุดหนุนอีก ลิตรละ 40 สตางค์ รวมเป็นลิตรละ 4.57 บาท
มาตรการตรึงราคาดีเซล 30 บาท ต่อลิตร หมดอายุไปแล้ว เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่า ที่ประชุม กบน. วันที่ 27 มีนาคม มีมติให้ปรับอัตราเงินชดเชยกองทุนน้ำมันของน้ำมันดีเซล ซึ่งจะทำให้น้ำมันดีเซลมีราคาเกินลิตรละ 30 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป
สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ กองทุนน้ำมัน จะจ่ายชดเชยน้อยลง จากที่เคยจ่ายให้ลิตรละ 4.17 บาท ก็จะชดเชยน้อยลงมาลิตรละ 1-2 บาท ทำให้คนใช้ดีเซลต้องจ่ายเพิ่ม เกินกว่าลิตรละ 30 บาท เพราะรัฐบาลไม่ส่งสัญญาณมาว่า หลังวันที่ วันที่ 31 มีนาคมแล้ว จะตรึงราคาดีเซล 30 บาทต่อลิตรต่อไปหรือไม่ กองทุนน้ำมันฯ จึงขอปรับลดค่าชดเชย เพราะแบกภาระชดเชยดีเซลไว้ถึง 50,000 กว่าล้านบาท
ผู้ค้าน้ำมันส่วนใหญ่ยังรอดูความชัดเจน ยังไม่ปรับราคาน้ำมันดีเซล มีเชลล์ รายเดียวที่ปรับราคาขึ้นเป็นลิตรละ 30.49 บาท ทะลุเพดาน30 บาทไป 50 สตางค์
การกลับลำของ กบน. ที่มีพีระพันธุ์ เป็นประธาน ลบล้างมติเดิมของตัวเองเมื่อสัปดาห์ก่อน แถมยังสั่งให้กองทุนน้ำมันชดเชยดีเซลเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 50 สตางค์ น่าจะมาจากสถานการณ์ที่ประชาชนเริ่มหมดความเชื่อมั่นในรัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เพราะผ่านมา 7 เดือน ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน มีเรื่องลดราคาพลังงาน ตรึงดีเซล ลดค่าไฟ
นี่แหละที่อ้างเป็นผลงานแก้ผ้าเอาหน้ารอดได้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า เป็นเรื่องชั่วคราว ที่สุดท้าย เงินชดเชยเงินอุดหนุน ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ประชาชนต้องจ่ายคืนอยู่ดี จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ถ้าปล่อยให้ดีเซลทะลุ 30 บาท กระแสความไม่พอใจของประชาชนที่ **‘เสื่อมศรัทธา’**รัฐบาลอยู่แล้ว จะก่อตัวโหมกระหน่ำรัฐบาลอย่างหนัก
จำใจต้องขี่เสือต่อไป แม้จะรู้ว่า ไปต่อไม่ไหวแล้ว เพราะกลัวว่า จะโดนเสือกัด ถ้าลงจากหลังเสือ