คงหนักหนา สาหัส เข้าขั้นวิกฤต สำหรับนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ถูก 40 สว. ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน ที่มีชนักติดหลังเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ถึงขั้นต้อง ‘มุด’ เข้าบ้าน ‘วิษณุ เครืองาม’ รองนายกรัฐมนตรีมือกฎหมาย ตั้งแต่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย จนถึงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อขอคำชี้แนะในเรื่อง ‘การต่อสู้คดี’ ตามมาด้วย ข่าวการแต่งตั้งวิษณุเป็น ‘ที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี’
ถ้าไม่หนักหนา ไม่วิกฤต ก็คงไม่บากหน้าไปหาวิษณุถึงบ้าน เพราะคนอย่างเศรษฐานั้น มีนิสัยแบบที่ฝรั่งเรียกว่า ‘aloof’ คือ ‘หยิ่ง ไว้ตัว’ ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ไม่เคยไปหาใคร ยกเว้นทักษิณ ชินวัตร
มีแต่เรียกข้าราชการมาจิกหัวด่าออกสื่อ การไปฝ่ายไปหาวิษณุจะไปด้วยตัวเอง หรือถูกแนะนำแกมสั่งจากคนที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าคือใคร แสดงว่า เข้าตาจนแล้วจริง ๆ
การตั้งวิษณุเป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนั้น ก็เพื่อให้วิษณุมีตำแหน่ง สำหรับใช้**‘ทรัพยากร’** ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในการแก้ต่างทำหน้าที่เสมือนทนายความให้เศรษฐาได้อย่างสะดวก เรียกได้ว่าตั้งวิษณุเพื่อมาทำงานนี้งานเดียวจริง ๆ
ต้องถือว่าเป็นการ ‘ตบหน้า’ พรรคเพื่อไทยฉาดใหญ่กับการที่เศรษฐา ต้องพึ่งพาอาศัยวิษณุ ในการนี้ แม้ว่าวิษณุ จะเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะมาเป็นรองนายกฯในรัฐบาล คสช. และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็ต้องถือว่าเป็น ‘คนละขั้ว’ กับพรรคเพื่อไทย อาจไม่ถึงกับเป็นศัตรูกัน แต่ก็ไม่ใช่พวกเดียวกัน
การที่เศรษฐา ต้องไปขอให้วิษณุช่วยแสดงว่าพรรคเพื่อไทย ‘ไม่มีมือกฎหมายที่พึ่งพา’ ฝากผีฝากไข้ได้จริง ๆ และยิ่งตอกย้ำกับกระแสข่าวที่มีมาโดยตลอดว่า
เศรษฐา ไม่เอาใครในพรรคเพื่อไทย และ สส. พรรคเพื่อไทยก็ไม่เอากับเศรษฐา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการปรับครม. ที่เศรษฐา ปลด ‘นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว’ และ ‘พวงเพ็ชร ชุนละเอียด’ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะไม่ชอบขี้หน้าเป็นการส่วนตัว
ในขณะที่ทีมงาน ‘แก๊งค์ไอติม’ รอบๆตัวเศรษฐา มีแต่ ‘ลูกท่านหลานเธอ’ เป็นลูกหลานผู้ใหญ่ในพรรค เป็นคนของ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ และเป็นเพื่อน ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ ที่มีแต่ภาพความเป็นคนรุ่นใหม่ ‘มีความทะเยอทะยาน แต่ไม่มีความรู้ และประสบการณ์’ แค่เขียนสคริปต์ให้นาย ยังเขียนผิดจนนายโดนด่าไปสามวันแปดวัน
ในพรรคก็ไม่มีพวก ที่ทำเนียบก็มีแต่เด็กวิ่งเล่น ‘เจี๊ยวจ๊าว’ เศรษฐาจึงต้องทำตัวเป็น ‘เล่าปี่’ บากหน้าไปหา ‘ขงเบ้ง’ คนที่สอง คือ วิษณุ เพื่อเชิญให้มาแก้วิกฤตครั้งนี้
การแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ซึ่งเคยถูกศาลสั่งจำคุกในข้อหาละเมิดอำนาจศาล และถูกสภาทนายความถอนใบอนุญาต เพราะไม่ซื่อสัตย์สุจริต เป็นข้อเท็จจริงที่เศรษฐา รู้อยู่แล้วจะบอกว่า ไม่รู้ ไม่มีเจตนาไม่ได้ ก็อยู่ที่ วิษณุจะช่วยเศรษฐาผ่อนหนักให้เป็นเบาได้หรือไม่อย่างไร และอยู่ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า จะยึดหลักรัฐศาสตร์หรือหลักนิติศาสตร์มากน้อยกว่ากัน