ใครปล่อยข่าว ห้ามนายหัว ‘ชวน’ ลงสมัครสส.?!

19 เมษายน 2567 - 07:21

thai-democrat-member-representatives-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ปล่อยข่าว ไม่ส่ง ชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรี ลงสมัคร สส.

  • การเมืองในพรรคประชาธิปัตย์เล่นกันแรง หรือเป็นกลยุทธ์

  • ข่าวลือ สส.ภาคใต้ตั้งพรรคใหม่เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้น

เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยง ลงมาใจกลางพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงต้นเดือนเมษายนก่อนวันสงกรานต์ ท่ามกลางอากาศที่แสนจะอบอ้าว เมื่อจู่ ๆ ก็มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ส่ง ‘นายหัว’ ชวน หลีกภัย ลงสมัครสส.สมัยต่อไป ทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและระบบเขต

ทั้ง ๆ ที่นายหัวชวน คือ ผู้อาวุโสของพรรค เป็นอดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย อดีตประธานรัฐสภา 2 สมัย และอยู่ในระดับปูชนียบุคคลของพรรคด้วยซ้ำ หากไม่นับปัญหาภายในพรรคที่ระยะหลังมีการกระทบกระทั่งกัน ถึงขั้นชกข้ามรุ่น ถอนหงอกกันไปหลายกระจุก

ล่าสุดในวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ‘ราเมศ รัตนะเชวง’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ศิษย์ก้นกุฏินายหัวชวน ถือฤกษ์วันมหาสงกรานต์ ออกมาปฏิเสธข่าวที่เกิดขึ้นว่า 

ในฐานะโฆษกพรรค ยังไม่ได้ยินเรื่องดังกล่าว ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการลงสมัครของใครหรือเขตใด ๆ เลย

ข่าวที่ออกไปพรรคก็เสียหายว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ซึ่งไม่เป็นความจริง และโดยหลักการในการจัดผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคจัดอยู่ในลำดับหนึ่ง ชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคที่อาวุโสที่สุดก็อยู่ลำดับสอง และคนที่ปล่อยข่าวก็ต้องบอกชื่อว่ากรรมการบริหารพรรคคนใดเป็นคนพูด จะได้ถามถูกคน เพราะไม่เช่นนั้นเกิดความเสียหายได้

‘ชวน หลีกภัย มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ มีมากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดด้วย’

ราเมศว่าไว้อย่างนั้น

ทีนี้ย้อนไปดูต้นตอที่มาของข่าวนี้ เห็นมีอยู่ข่าวเดียวที่พอจะอ้างผู้ให้ข่าวชัดเจน คือ **‘สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ ** ในวันที่ 12 เมษายน ก่อนหน้าที่โฆษกประชาธิปัตย์จะออกมาแถลงเพียงวันเดียว สาทิตย์ ได้เปิดบ้านวงศ์หนองเตย ถ.เทศบาล 5 ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ให้สัมภาษณ์สื่ออยู่หลายเรื่อง และหนึ่งในนั้นคือ การตอบคำถามเรื่องนายชวน ไม่ได้ลงสมัคร สส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์

ไม่ว่าจะเป็นการถามชงของผู้สื่อข่าวหรือได้ ‘Hint’ ข่าวมาจากไหนก็ตาม แต่สาทิตย์ก็ตอบแบบยาว ๆ ‘ยอมรับว่าก็หนาหูมาก’  ซึ่งก็ไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้ เพราะไม่ใช่ กก.บห.ก็ต้องขึ้นอยู่กับชวน ถ้าเกิดอยากจะลง แต่ว่าด้วยเหตุผลกลใดที่ไม่ได้ลง มองว่ามีผลกระทบต่อความนิยมต่อปชป.ในจ.ตรังและภาคใต้แน่นอน

‘ต้องตอบให้ได้ว่าท่านทำผิดอะไร ที่ กก.บห.ตัดรายชื่อชวน ซึ่งเป็นทั้งอดีตหัวหน้าพรรค ปชป.และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ออกจากผู้สมัครในนามปชป.ในการเลือกตั้ง สส.ในครั้งหน้า’

ในข่าวเดียวกัน สาทิตย์ได้พูดถึงชีวิตการเมืองของตัวเองไว้ว่า ยังไม่ได้คิดจะวางมือ ก็ยังอยู่ในแวดวงการเมือง ตั้งใจจะทำหน้าที่เป็นนักการเมืองของประชาชนต่อไป และได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว แต่ว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ทิ้งการเมืองไปไหน 

‘ยังพูดคุยกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณ์ จาติกวณิช อัญชลี และก็มีอีกหลายคน เรานัดคุยกันสอง-สามครั้งแล้ว ก็มีความเห็นร่วมกันว่าการเมืองยุคนี้เป็นการเมืองยุคฮั้วข้ามค่ายข้ามพรรค เป็นไปได้อย่างไรที่ฝ่ายอนุรักษนิยม ทหารกับระบอบทักษิณจับมือกันตั้งรัฐบาล ซึ่งลักษณะนี้มันมีความรู้สึกว่ามันเหมือนกับมีดีลลับจริง ๆ’

สาทิตย์ ยังพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกชวนให้เข้าร่วมรัฐบาลด้วยว่า ปชป.มาถึงจุดนี้เสียหายมากแล้ว แค่การไม่ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าจะไม่ร่วมรัฐบาล และมีข่าวว่าคนนั้นคนนี้จะเป็นรัฐมนตรี ผนวกกับตอนเลือกนายกฯ เศรษฐา ก็ไปโหวตให้เขาด้วย แค่นี้ก็เสียหายมากแล้ว ต้องดูกันต่อไปว่ากรรมการบริหารพรรค เขาจะบริหารพรรคกันอย่างไร

ทีนี้ไปต่อภาพกันว่า ใครที่ปล่อยข่าวตัดสิทธิ์ ‘นายหัวชวน’ ไม่ให้ลงสมัครสส.?!

อย่างแรกเลย ต้องถามสาทิตย์ ที่ยอมรับว่าข่าวชวนจะไม่ได้ลงสมัครสส. ‘หนาหูมาก’ นั้น หนาหูที่ไหน ในพรรคประชาธิปัตย์ หรือที่จังหวัดตรัง หรือเฉพาะในระแวกบ้านวงศ์หนองเตย

ถัดมาถ้าเป็นการ ‘ปล่อยข่าว’ อย่างที่ราเมศว่าไว้ ก็ต้องถามต่อไปว่าใครที่ได้ประโยชน์จากข่าวนี้ รวมทั้ง คนที่ปล่อยข่าวทำงานให้ใคร?

สองคำถามที่ว่านี้ ไม่ได้นึกเดา มโน หรือจินตนาการขึ้นมาเอง แต่คนในประชาธิปัตย์ได้ตั้งปุจฉาขึ้นมาถามกันภายใน เพื่อหาคำตอบอย่างน้อย 2 เรื่อง หนึ่ง ต่อภาพจากที่สาทิตย์บอกไว้ ยังมีการพูดคุยกับใครต่อใครหลายคนไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งในเรื่องการเมือง หลังจากที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และแต่ละคนล้วนเป็นศิษย์เก่าประชาธิปัตย์ทั้งนั้น

ขณะที่ในพรรคประชาธิปัตย์ มีข่าวหนาหูเรื่องการเตรียมตั้งพรรคใหม่ของ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ โดยเริ่มส่งสัญญาณให้เห็นตั้งแต่ป้ายสวัสดีปีใหม่ที่ จ.สงขลา ของทั้งนิพนธ์และ สส.สรรเพชญ์ ลูกชาย ที่มีแต่คำอวยพรล้วน ๆ ไม่มีโลโก้พรรคประชาธิปัตย์ เหมือนทุกครั้ง

ล่าสุดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ‘นิพนธ์’ ลงพื้นที่ทำกิจกรรมในภาคใต้ร่วมกับ ‘มาดามเดียร์’ น.ส.วทันยา บุนนาค อย่างมีนัยยะสำคัญ จนคนในประชาธิปัตย์นำไปต่อภาพเสริมเติมจากป้ายอวยพรปีใหม่ว่า สองนักการเมืองคู่นี้จะเป็น ‘หัวหน้า-เลขาฯ’ พรรคการเมืองที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นใหม่หรือเปล่า?

ส่วนในอนาคตจะมีใครต่อใครที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏจักรการเมืองมาร่วมด้วยหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ ‘นิพนธ์-มาดามเดียร์’ คือตัวเปิดเกม ที่เสมือนเป็นสารตั้งต้นของพรรคใหม่ที่จะก่อกำเนิดขึ้น

อย่างที่สอง สถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์ชั่วโมงนี้ ฝ่ายนายหัวชวน ถือว่า ‘เพลี่ยงพล้ำ’ อย่างมาก และถูกรุกจนต้องถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวน นอกจากนั้น ฝ่ายที่เข้ามากุมอำนาจยังหายใจเข้าออก รอการเข้าร่วมรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา 

ดังนั้น โอกาสที่ประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ ไม่ได้สส.บัญชีรายชื่อครั้งหน้าแม้แต่คนเดียว ย่อมเป็นไปได้สูง ในห้วงยามที่พรรคก้าวไกลยังแรงไม่หยุด หรืออย่างมากอาจจะได้ติดปลายนวมมาสัก 1 ที่นั่ง

แน่นอนว่า คนที่ได้เข้าสภาย่อมไม่ใช่คนชื่อชวน เพราะมีรายชื่ออยู่ในลำดับที่สอง และยิ่งไปกว่านั้น หากผู้บริหารพรรคยุคนี้ที่ไม่ได้คิดเหมือนเดิม แต่คิดใหม่ ทำใหม่ ขยับชื่อนายชวนไปอยู่ในลำดับที่ 3-4-5 ยิ่งไม่มีหลักประกันใด ๆ อันเท่ากับเป็นการเปิดบันทึกการเมืองหน้าใหม่ให้กับนายชวน ‘สอบตก’ เป็นครั้งแรกในรอบกึ่งศตวรรษของชีวิตการเมือง 

ผู้เฒ่าจะทำใจยอมรับสภาพนี้ได้หรือไม่ สู้หาช่องน้อยไม่ลงสมัครเลยไม่ดีกว่าหรือ หรือจะเป็นการพลิกตำราสงคราม ‘ซุนวู’ มาปรับใช้ในช่วงยามคับขัน ประมาณว่า ส่งเสียงทางด้านเหนือ เพื่อหวังเข้าตีทางด้านใต้ 

ก็สุดแท้แต่จะมองกันว่า กลเกมการปล่อยข่าวเตะตัดขา ‘นายหัวชวน’ หนนี้ จะล้ำลึกถึงปานนั้นเลยหรือไม่?!

ข่าวที่น่าสนใจ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์