เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยกทีมรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดระนอง ประชุม ครม. สัญจร วันที่ 22-23 มกราคมนี้
วาระสำคัญที่ไม่ใช่วาระการประชุม คือ โปรโมทโครงการแลนด์บริดจ์ รับฟังเสียงคัดค้านจากผู้ไม่เห็นด้วย หลังจากเดินสายโรดโชว์ ขายโครงการในการประชุมระหว่างประเทศมาหลายครั้ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มาฟังเสียงคนในพื้นที่ ที่เป็นที่ตั้งของโครงการ
อยากบอกคนระนอง ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ว่า จะสนับสนุนหรือคัดค้าน เอากันพอหอมปากหอมคอ อย่าทุ่มสุดตัว เพราะรัฐบาลเอง โดยเฉพาะตัวนายกฯ เศรษฐา ก็รู้ดีแก่ใจว่า ถ้าตั้งใจจะทำจริงๆ ต้องลงทุนลงแรงศึกษาความเป็นไปได้กันอย่างจริงจัง ไม่ใช่เอาแค่ตัวเลขสถิติว่า จะมีเรือมาใช้บริการกี่ลำ มีตู้คอนเทนเนอร์กี่ล้านตู้มาใช้บริการ ประหยัดเวลาเดินเรือได้กี่วัน แล้วก็ไปเร่ขายนักลงทุนต่างชาติ
โครงการเมกะโปรเจกต์มูลค่าล้านล้านบาทนะ ไม่ใช่บริษัท Start Up ที่ขายฝันไปเรื่อย ๆ
แลนด์บริดจ์ ชุมพร - ระนอง เป็นโครงการของพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่ปลายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผลักดันให้ ครม. รับหลักการในการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทย หาเสียงเรื่องแลนด์บริดจ์ ในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งอันดามัน และได้รับเลือกตั้งในจังหวัดระนอง 1 คน พังงา 1 คน กระบี่ 3 คน จากเดิมที่ไม่มี สส. ภูมิใจไทย ใน 3 จังหวัดนี้เลย
ดังนั้น เมื่อสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคม พรรคเพื่อไทยประกาศว่า จะไม่ทำแลนด์บริดจ์ พรรคภูมิใจไทยจึงระดม สส. ในพรรคออกมาคัดค้าน จนพรรคเพื่อไทยต้องถอย ยอมบรรจุเรื่อง แลนด์บริดจ์ เป็นนโยบายของรัฐบาล
แลนด์บริดจ์ จึงเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ของพรรคเพื่อไทย เมื่อหาเสียงไว้แล้ว ก็ต้องทำไม่ให้เสียชื่อว่า เป็นพรรคที่พูดแล้วทำ
ทำได้หรือไม่ได้ ก็ต้องถูลู่ถูกังลากกันไปตายเอาดาบหน้า เหมือนนโยบายกัญชาเสรีที่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทยเอง ที่จะเดินหน้าก็ลำบาก จะถอยหลังก็ไม่ได้เพราะหาเสียงไว้ หรือนโยบายแปลงที่ดิน สปก. เป็นโฉนด ของพรรคพลังประชารัฐ ที่สุดท้ายแล้ว แค่เปลี่ยนชื่อ เป็นโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร ผู้ครอบครอง ไม่มีกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด
ตัวเศรษฐาเอง ก็ต้องหานโยบายใหม่ ๆ มาเป็นจุดขายของตัวเอง เพราะนอกจาก ถุงเท้าหลากสีแล้ว ไม่มีใครจำผลงานของนายกฯ เศรษฐาได้เลยว่า ทำอะไรบ้าง โครงการแลนด์บริดจ์ เข้ามาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
โครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้เคยมีสร้างไปแล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็ถูกล้มไป คือ แลนด์บริดจ์ กระบี่-ขนอม ที่รัฐบาล ชวน หลีกภัย อนุมัติให้สร้างเมื่อปี 2536ทางหลวงหมายเลข 44 หรือที่เรียกกันว่าถนนเซาท์เทิร์นซีบอร์ด เป็นถนน 4 ช่องจราจร มีเขตทางกว้าง 200 เมตร กันพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับก่อสร้างทางรถไฟ ท่อส่งน้ำมัน และท่อส่งก๊าซธรรมชาติระยะทาง 133 กิโลเมตร
โครงการนี้ ได้สร้างแต่ถนน ที่เริ่มก่อสร้างเมื่อต้นปี 2542 สมัยรัฐบาลชวน 2 สร้างเสร็จในเดือนกันยายน 2546 รัฐบาลทักษิณ โครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ทำได้แค่วางท่อจากแหล่งบงกช - เอราวัณ-ในอ่าวไทย มาขึ้นที่ขนอม ซึ่งมีโรงแยกก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ไปไม่ถึงถึงกระบี้ เพราะรัฐบาลทักษิณไม่ทำต่อ ประกอบกับประชาชนในพื้นที่คัดค้าน การสร้างท่าเรือน้ำลึก
โครงการแลนด์บริดจ์ ในรัฐบาลเศรษฐา จะถูกคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่แน่นอน เพราะถ้าสร้างจริง จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว การประมง ฯลฯ แต่ปัจจัยที่จะทำให้โครงการนี้ไม่ได้สร้างคือ พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการสร้างอยู่แล้ว เพราะไม่ได้หาเสียงเรื่องนี้ไว้ เป็นโครงการของพรรคภูมิใจไทย ที่พรรคเพื่อไทยไม่กล้าขวาง เพราะพรรคภูมิใจไทย มีอำนาจต่อรองสูง
โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทยเองยังทำไม่ได้ อย่าหวังว่า โครงการแลนด์บริดจ์ของพรรคภูมิใจไทยจะได้เกิด
