‘ช่องบก’ Turning Point EP.10 เหลี่ยมไทยเจอเหลี่ยมเขมร คลิป ‘หลานอิ๊งค์’ คุย ‘ลุงฮุน’ ฟางเส้นสุดท้ายสายสัมพันธ์ 2 ตระกูล

19 มิ.ย. 2568 - 03:38

  • คลิปเสียงพิฆาตลุงฆ่าหลานนอกไส้ของ Uncle Hun สะเทือนเก้าอี้นายกฯอิ๊งค์แบบสึนามิ

  • จับตาเส้นทาง ‘ลุงฮุน’ นับจากนี้ ฝ่ายไทยต้องเท่าทันเกมลุงที่พร้อมแลกหมัด

  • กัมพูชาวางกำลังทหารประชิดชายแดนไทย ขนหน่วยรบพิเศษมาเต็มที่ รอแค่ชนวนสุกงอม ฝ่ายไทยต้องมีสติ อย่าหลงประเด็นตบตีกันทางการเมืองอย่างเดียว

‘ช่องบก’ Turning Point EP.10 เหลี่ยมไทยเจอเหลี่ยมเขมร คลิป ‘หลานอิ๊งค์’ คุย ‘ลุงฮุน’ ฟางเส้นสุดท้ายสายสัมพันธ์ 2 ตระกูล

ยิ่งกว่ากิ้งกือเดินตกท่ออีกครั้งสำหรับนายกรัฐมนตรีจาก ‘ตระกูลชิน’ เมื่อ นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตรหลงเหลี่ยมเล่ห์ ‘คนตระกูลฮุน’ เชื่อใจเสือเฒ่าเจนสังเวียนอย่าง ฮุน เซน ว่า การพูดคุยแบบลุง-หลาน จะนำพาไปสู่การเจรจาแบบสันติ

การตัดสินใจต่อสายตรงจาก หลานอิ๊งค์ ไปหา ลุงฮุนเซน เมื่อวิเคราะห์จากภาษาสนทนาที่ใช้ผ่านล่าม ‘เคลียง ฮวด’ ไปยังสมเด็จฮุน เซน

นายกฯอิ๊งค์ ใช้คำว่า หลานและลุง เราพวกเดียวกัน ลุงอยากได้อะไรก็บอก เดี๋ยวดำเนินการให้

แต่ ฮุน เซน ที่เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ กลับใช้สรรพนามกับ นายกฯอิ๊งค์ ว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ทุกคำ ไม่มีคำไหนที่หลุดจากปาก ฮุน เซน ว่า หลานอิ๊งค์ แม้แต่คำเดียว 

นายกรัฐมนตรีของไทย ใช้บทสนทนาที่ไม่เป็นทางการ ใช้ศัพท์ลุง-หลาน เพื่อให้เห็นว่านี่คือ การคุยนอกรอบ พวกเดียวกัน มาคุยกันแบบเปิดอก 

แต่ทุกถ้อยคำของสมเด็จฮุน เซน กลับใช้บทสนทนาที่เป็นทางการ และเลือกศัพท์ที่ใช้ในการเจรจาความเมือง 

เจตนาของ นายกฯแพทองธาร คือ คุยนอกรอบ หาแนวทางการยุติข้อพิพาท จะได้นำไปสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ 

เจตนาของ ฮุน เซน คือ คุยอย่างเป็นทางการ เพื่อบันทึกเสียงไปใช้เป็นหลักฐานการพิจารณาคดีระหว่างประเทศและเพื่อเป็นหลักฐานกับรัฐสภากัมพูชาว่า ได้พยายามหาทางสร้างสันติกับนายกรัฐมนตรีของไทยแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือ หากสำเร็จ ก็เป็นผลงานการเจรจาที่ทำให้กัมพูชาได้เปรียบทางการทูต เรียกว่า มีแต่ได้ ทั้งขึ้น ทั้งล่อง

ประการสำคัญ จนถึงนาทีนี้ หรือนาทีไหน นายกฯอิ๊งค์ ก็คาดไม่ถึงว่า ผู้ใหญ่ที่เรียกว่า ลุง และสนิทชิดเชื้อถึงขั้นมีญาติใกล้ชิดแต่งงานกับคนใน ‘ตระกูลฮุน’ จะเล่นเกมบันทึกเสียงการโทรศัพท์ และยิ่งคาดไม่ถึงมากขึ้นไปอีกว่า คลิปเสียงนี้จะถูกปล่อยออกมาในโซเชียลมีเดีย 

แต่การคาดไม่ถึงในสงครามการเมืองระหว่างประเทศ ใช้เป็นเหตุผลไม่ได้สำหรับความผิดพลาด 

ไม่คิดว่า จะทำ 

หรือ….คิดไม่ถึงว่าจะทำ 

ใช้ได้กับเหตุการณ์ปกติ หรือเหตุการณ์ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน…แต่ใช้กับเวทีการเมืองระหว่างประเทศไม่ได้ 

EP.ที่ผ่านมา คอลัมน์นี้ทิ้งท้ายไว้ว่า ท้ายที่สุด ‘นายกอิ๊งค์’ อาจต้องเลือกประกาศตัดสัมพันธ์ชั่วคราว หรือ ตัดสัมพันธ์ระยะยาวกับคน ‘ตระกูลฮุน’ หากต้องการสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นกลับมาให้รัฐบาลอีกครั้ง 

ผ่านไม่ทันข้ามคืน ทางเลือกในการประกาศตัดสัมพันธ์ ดูเหมือนเป็นมาตรการที่ Just To Do หรือ เป็นภาคบังคับที่ต้องทำ ไม่มีทางเลือกอื่น 

นี่คือ…เหลี่ยมการทูตและเหลี่ยมการเมืองของเสือเฒ่าอย่างฮุน เซน ที่สมันน้อยอย่าง นายกอิ๊งค์ ไม่มีทางตามทัน 

แต่คำถาม คือ อะไรคือจุดแตกหัก ที่ทำให้ ฮุน เซน ตัดสินใจทิ้งไพ่ใบนี้ และยอมจบความสัมพันธ์ยาวนานของ ‘ตระกูลชิน’ และ ‘ตระกูลฮุน’

คำตอบ คือ มาตรการล่าสุดที่กองทัพบกโดยกองกำลังบูรพา งัดมาตรการเด็ดขาด ห้ามคนไทยเดินทางข้ามชายแดนไปยังบ่อนคาสิโนฝั่งกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปทำงาน หรือ เข้าไปเล่นการพนัน เพราะมาตรการนี้กระทบต่อรายได้มหาศาลของกาสิโนในฝั่งปอยเปต และทุกกาสิโนในฝั่งกัมพูชา และสวนทางกับสิ่งที่พูดคุยกับ นายกฯอิ๊งค์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ปรากฏในคลิป 

เมื่อไทยไม่ยอมยกเลิกมาตรการปิดด่าน หรือ มาตรการจำกัดเวลาเข้า-ออกชายแดน

นั่นก็หมายถึง สิ่งที่พูดคุยกันทางโทรศัพท์ไม่เป็นผล และหากยังปล่อยให้มาตรการเข้มงวดของการเดินทางไปยังบ่อนคาสิโน ดำเนินไปเรื่อยๆ แบบไม่มีกำหนด 

นั่นยิ่งหมายถึงการตัดท่อน้ำเลี้ยงจากเม็ดเงินสีเทา ก็ยาวๆไปแบบไม่มีกำหนดเช่นกัน 

อันนำพาไปสู่เกมที่บีบคั้นจนทำให้ ฮุน เซน ตัดสินใจหงายไพ่ใบสำคัญใบนี้ นั่นคือ เสี้ยมให้รัฐบาลและกองทัพหวาดระแวงซึ่งกันและกัน  

โดยเฉพาะประเด็นที่มีการพาดพิงถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพซึ่งกำลังเป็นขวัญใจคนไทยในเวลานี้ 

ประเด็นนี้แม้ไม่อาจสร้างความขัดแย้งรุนแรงระหว่างรัฐบาลและกองทัพ เพราะนายกฯอิ๊งค์ตัดสินใจยกหูต่อสายตรงไปเคลียร์กับแม่ทัพกุ้งทันทีที่รู้เรื่องคลิป แต่อย่างน้อยคนในกองทัพส่วนใหญ่ก็ยังคาใจ จนเป็นที่มาของการขึ้นภาพแม่ทัพกุ้งบนบิลบอร์ด หน้าสโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี 

ขณะที่เจ้าตัว แม่ทัพกุ้ง บอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ในการพูดคุยผ่านโทรศัพท์(ที่ไม่ได้อัดเสียง)ว่า “นายกรัฐมนตรีโทรมาเคลียร์แล้วจริงๆ และก็บอกไปแล้วว่า ไม่ติดใจ ไม่ได้โกรธ ขอให้นายกฯสบายใจได้” 

แต่สิ่งที่แม่ทัพกุ้ง บอกว่า เป็นห่วงก็คือ “นายกฯควรไปเคลียร์กับประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด และยืนยันว่า ทหารพร้อมทำตามคำสั่ง เพราะเป็นหน้าที่อยู่แล้ว” 

เกมการเมืองของ ฮุน เซน ไม่เพียงการเสี้ยมกองทัพและรัฐบาลให้หวาดระแวงกัน 

อีกด้าน ฮุน เซน ก็สั่งการให้นายทหารใกล้ชิดทั้งมือซ้ายและมือขวา ลงพื้นที่มาบัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนตรงข้ามประเทศไทย ทั้งพื้นที่ตรงข้ามชายแดนด้านเขาพระวิหาร ช่องสะงำ และพนมดงรัก

อันเป็นสัญญาณของความพร้อมรบทันที หากเห็นความไม่เป็นเอกภาพของฝั่งไทย 

สองขุนพลซ้าย-ขวาที่ฮุน เซนส่งลงมาบัญชาการในพื้นที่ 

คนหนึ่ง คือ พล.อ.เอท ซาลัธ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเสนาธิการทหารร่วมกองทัพแห่งชาติกัมพูชา 

พล.อ.เอท ซาลัธ ซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทของ ฮุน เซน และส่วนใหญ่จะประจำการอยู่ในกรุงพนมเปญ วันนี้ถูกส่งลงมาบัญชาการพื้นที่ซึ่งกัมพูชาเรียกว่า ยุทธบริเวณ

โครงสร้างทางยุทธการของกัมพูชาล่าสุด กัมพูชา แบ่งพื้นที่ที่เรียกว่า ยุทธบริเวณ ออกเป็น 3 พื้นที่

พื้นที่แรก ยุทธบริเวณที่ 1 บริเวณเขาพระวิหาร ยาวต่อเนื่องไปจนถึงพื้นที่ช่องบก อยู่ภายใต้การดูแลของ พล.อ.สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ที่ควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการยุทธบริเวณที่ 1 พื้นที่นี้ มี พล.ต.จัน สุคน เป็นผบ.หน่วยกำลังรบที่ขึ้นตรงกับ พล.อ.สรัย ดึ๊ก

พื้นที่สอง ยุทธบริเวณที่ 2 บริเวณฝั่งตรงข้ามช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีษะเกษ มี พล.ท.เจีย สุเพี๊ยะ ที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 เป็นผู้บัญชาการยุทธบริเวณที่ 2 พล.ท.เจีย สุเพี๊ยะ เป็นลูกชายของ พล.อ.เจีย มอน อดีตผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 

พื้นที่สาม หรือ ยุทธบริเวณที่ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งตรงข้าม บริเวณพนมดงรักหรือฝั่งตรงข้ามบริเวณปราสาทตาเมือนธม มี พล.ท. แกว ที  ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 2 ที่ควบตำแหน่งรองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 เป็นผู้บัญชาการยุทธบริเวณที่ 3 พื้นที่นี้มี พล.ต.เนี๊ยะ วง เป็นผบ.หน่วยกำลังรบที่ขึ้นตรงกับพล.ท.แกว ที

กองบัญชาการยุทธบริเวณทั้ง 3 พื้นที่ มีกำลังทหารราบกัมพูชาประจำการ รวมประมาณ 12,000 – 13,000 นาย โดยพื้นที่ยุทธบริเวณที่ 1 และ ยุทธบริเวณที่ 3 มีกำลังพื้นที่ละประมาณ 4-5 พันนาย 

ส่วนยุทธบริเวณที่ 2 จะมีกำลังพลไม่มากนัก เพราะไม่ใช่พื้นที่เผชิญหน้า 

ผู้บัญชาการยุทธบริเวณทั้ง 3 พื้นที่ ขึ้นตรงกับ พล.อ.เอท ซาลัธ ที่ ฮุน เซน ส่งลงมาควบคุมงานยุทธการและบัญชาการ  

นอกจากพล.อ.เอท ซาลัธ แล้ว ฮุน เซน ยังส่ง พล.อ.ฮิง บุนเฮียง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ควบตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ (Bodyguard Headquarters: BHQ) กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ที่เป็นหน่วยขึ้นตรงของ ฮุน เซน ลงมาพร้อมกองกำลัง BHQ ด้วย 

กองกำลัง BHQ เป็นหน่วยรบพิเศษที่ผ่านการฝึกอาวุธพิเศษ ที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ และเป็นหน่วยที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีในการรบทุกประเภท อาวุธในสงครามยุคใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนและรัสเซียจะถูกส่งเข้าไปประจำการในหน่วย BHQ ทั้งหมด 

สำหรับภารกิจของหน่วย BHQ รอบนี้ ไปทำหน้าที่สนับสนุนปฏิบัติการที่ต้องใช้อาวุธพิเศษ หรือปฏิบัติการที่ต้องเผชิญกับหน่วยสงครามพิเศษของไทย และทำหน้าที่เป็น "อาวุธลับ" ของสองพ่อลูกตระกูลฮุน ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ในสมรภูมิรอบนี้ 

เมื่อ ‘ตระกูลฮุน‘ ถูกมาตรการบีบที่กล่องดวงใจเรื่องบ่อนคาสิโนจนอยู่ในภาวะเลือดเข้าตา และจำต้องกลืนเลือด งัดมาตรการที่ส่งผลต่อสายสัมพันธ์ระหว่าง ‘ตระกูลฮุน’ และ ’ตระกูลชิน‘ ออกมาเล่นในเรื่องของคลิปเสียง 

สิ่งที่ต้องจับตาใกล้ชิด คือ อุณหภูมิในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ทั้ง 3 พื้นที่ว่า จะทะลุจุดเดือดขึ้นมาแค่ไหน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ฮุน เซน สั่งการกำลังรบเต็มรูปแบบของกัมพูชา พร้อมประจัญหน้าเต็มพิกัด

สถานการณ์ชายแดนที่แม้ แม่ทัพกุ้ง จะยืนยันว่า ทหารไทยพร้อมเกิน 100 แต่ปัจจัยล่อแหลมของฝ่ายไทย คือ ชุมชนบ้านเรือนราษฏรที่หนาแน่นกว่าฝั่งกัมพูชา อาจเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายไทยอาจต้องคำนึงถึง

มาตรการเตือนภัยที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.เตรียมที่จะใช้ระบบเตือนภัย Cell Broadcast มาใช้ วันนี้พร้อมจะส่งสัญญาณเพื่อให้ประชาชนตามแนวชายแดนอพยพเข้าสู่ที่ปลอดภัยหรือยัง

เพราะสิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ เล่ห์และเหลี่ยมเขมร ที่ นายกฯอิ๊งค์ เจอมาตรการเหลี่ยมตัดเหลี่ยมมาแล้ว

สมรภูมิรอบนี้และทุกๆครั้ง ไทย…อาจล็อกเป้าหมายทางการทหารของกัมพูชา

แต่ถ้า กัมพูชา…เลือกใช้วิธีการล็อกเป้าหมายทางพลเรือนของไทย  

เราพร้อมรับมือและเตรียมมาตรการลดความสูญเสียสำหรับเป้าหมายเปราะบางของฝ่ายเราไว้บ้างหรือยัง…?

ผู้นำกัมพูชาอาจไม่รู้สึก รู้สา หากเกิดความสูญเสียทั้งกำลังทหาร และพลเรือน 

แต่ไทย เราจะรับได้แค่ไหน…หากเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนตามแนวชายแดน 

แค่สะกิดไว้ให้คิด…อาจจะไม่เกิดก็ได้ 

สาธุ สาธุ สาธุ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์