โครงการเงินหมื่นดิจิทัล ซึ่งเป็นโครงการเรือธงของพรรคเพื่อไทย ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งออกทะเล หาฝั่งไม่เจอ จะกลับเข้าท่าก็ไม่ได้ กัปตันไม่สั่งการ ปล่อยให้ลูกเรือผลัดกันชี้มือชี้ไม้ ให้ไปทางโน้นบ้าง ทางนี้บ้าง
เมื่อวานโฆษกรัฐบาล ‘ชัย วัชรงค์’ เพิ่งจะประกาศว่าจะแจกเงิน 10,000 บาทให้ ประชาชนผู้ถือ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ 14.98 ล้านคน ก่อนเป็นกลุ่มแรกเพื่อให้เบิกจ่ายงบฯเพิ่มเติม หรืองบฯกลางปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท ให้ทันภายในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2567
ที่มาของเงิน 5 แสนล้านบาทที่จะแจกให้ประชาชน 50 ล้านคน ๆ ละ 10,000บาท มาจาก 3 แหล่ง
- งบประมาณ ปี 2568 จำนวน 152,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้
- เงินกู้ของธนาคาร เกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 172,300 ล้านบาท
- งบฯเพิ่มเติม หรือ งบกลางปี ปีงบประมาณ 2567 จำนวน 122,500 ล้านบาท
เดิมไม่มีงบกลางปีรัฐบาลตั้งใจจะ ‘เจียด’ หรือกันงบประมาณ ปี 2567 ของหน่วยงานต่าง ๆ มารวมไว้สำหรับแจกเงินดิจิทัล แต่ถ้าไปทำแบบนั้น พรรคร่วมรัฐบาลที่คุมกระทรวงต่าง ๆ คงไม่ยอม และยิ่งจะ ‘ซ้ำเติม’ ให้การลงทุน การบริโภคจากภาครัฐ ซึ่งแทบไม่มีเลย เพราะงบฯปี 67 ล่าช้าไปเกือบ 10 เดือน ต้องหายไปอีก เพราะถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
พรรคเพื่อไทยจึงต้องตาลีลาเหลือก ออกร่าง พ.ร.บ. งบกลางปี 2567 เข้า ครม. เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมนี้เอง เพื่อกู้เงิน 122,000 ล้านบาท มาใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัล
ตามไทม์ไลน์สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดประชุมวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯกลางปี 2567 และงบประมาณ 2568 วันที่ 18-21 มิถุนายน ต่อด้วยวุฒิสภากว่าจะลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ มีผลบังคับใช้ ไม่เร็วไปกว่ากลางเดือนสิงหาคม
เท่ากับว่ามีเวลาแค่เดือนเดียว ที่รัฐบาลจะต้องใช้เงิน 122,000 ล้านบาท ให้หมดไปกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ภายในวันที่ 30 กันยายน ถ้าไม่ได้ใช้หรือใช้ไม่หมดต้องคืน และอาจผิด พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง
พรรคเพื่อไทยรับปากกับประชาชนว่า จะแจกเงินดิจิทัล ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยจะพัฒนา ‘ซูเปอร์แอป’ เป็นช่องทางให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ ลงทะเบียนรับเงิน และร้านค้าลงทะเบียนร่วมโครงการ ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะพอใช้งานได้
เงิน 122,000 ล้านบาทจะมาแล้ว แต่เรือธงดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่เข้าท่ายังไม่มีแอปฯเลย สิ่งที่โฆษก ชัยพูดว่า
‘จะแจกให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.98 ล้านคนไปก่อน เพราะไม่เช่นนั้น จะใช้เงินไม่ทันสิ้นเดือนกันยายน เป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน เป็นสิ่งที่ทำได้ทันที เพราะผู้ถือบัตร ฯ 14.98 ล้านคน ลงทะเบียนไว้แล้ว แจกเงินสด ผ่านแอปเป๋าตังค์ได้เลย’
ชั่วข้ามคืนรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง ‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ และ ‘เผ่าภูมิ โรจนสกุล’ ต่างออกมาปฏิเสธคำพูดของโฆษกรัฐบาลว่า
‘ไม่จริง เข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่มีการแจกเงินให้กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน จะแจกพร้อมกันที่เดียว 50 ล้านคน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่’
จะเชื่อใครดี จะเชื่อ ชัย วัชรงค์ ที่แถลงในฐานะโฆษกรัฐบาลว่า ครม. คุยกันอย่างไรมีเหตุผลรองรับว่า ‘ทำไมต้องแจก’ ผูถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน
หรือจะเชื่อ จุลพันธ์กับเผ่าภูมิ ที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้มาตั้งแต่แรก ที่ออกมาแก้ข่าว แม้จะไม่พูดตรง ๆ แต่มีนัยว่า ‘ที่โฆษกรัฐบาลแถลงเมื่อวานนั้น ไม่จริง’
แต่ทั้งจุลพันธ์และเผ่าภูมิก็ไม่ได้ให้คำตอบว่า แล้วจะทำอย่างไรกับ งบกลางปี 122,000 ล้านบาท ที่จะต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทั้ง 2 คนรับผิดชอบอยู่ 10 เดือนแล้ว ยังเป็น ‘วุ้น’ อยู่เลย
การสื่อสารที่ขัดแย้งกันของโฆษกรัฐบาล กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นภาพสะท้อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า เป็นแค่ ‘การหาเสียง’ ที่พูดแล้วทำไม่ได้ ‘คิดใหญ่แต่ทำไม่เป็น’ คิดไป ทำไป แก้ตัวไป เพราะเป็นโครงการที่ไม่มีความเป็นไปได้เลยตั้งแต่คิดแล้ว ทั้งในเรื่องเป้าหมาย เม็ดเงิน และกระบวนการจัดการ จึงทำให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง พูดกันไปคนละทิศคนละทาง ตั้งแต่วันแรก ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จนถึงโฆษกรัฐบาล
เพราะเป็นโครงการที่ไม่มีความเป็นไปได้เลย ต่างคนจึงต่างพูด เหมือนตาบอดคลำช้าง แต่พอเอาสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นช้างมารวมกัน สิ่งที่ได้ ไม่ใช้ช้าง เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้