ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครวันที่ 24 เมษายน ลงมติคว่ำร่างข้อบัญญัติกำหนดพื้นที่สีเขียวของอาคาร ในวาระที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงไม่เห็นชอบ 22 คน เห็นชอบ 12 คน งดออกเสียง 7 คน ไม่ลงคะแนน 1 คน จากผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 42 คน
เจ้าของร่างข้อบัญญัตินี้คือ ‘พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์’ สก.เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล สก. 12 เสียงที่เห็นชอบ ก็เป็น สก. พรรคก้าวไกล ทั้งหมด
ร่างข้อบัญญัติพื้นที่สีเขียว กำหนดให้ผู้ที่จะสร้าง ซ่อมแซม หรือ ต่อเติมอาคารใหม่ ต้องมีพื้นที่สีเขียวคิดเป็น 50% ของพื้นที่ว่างนอกอาคาร
สมมติว่า มีบ้านอยู่อาศัยพื้นที่ 100 ตารางเมตร พ.ร.บ. ควบคุมอาคารกำหนดว่าต้องมีพื้นที่ว่างนอกอาคาร 30 ตารางเมตร ร่างข้อบัญญัติพื้นที่สีเขียวเพิ่มข้อบังคับว่าในพื้นที่ว่างนี้ ต้องมีพื้นที่สีเขียว 15 ตารางเมตรด้วยนะ ส่วนตึกแถว สำนักงาน และทาวน์เฮ้าส์ 100 ตารางเมตร มีพื้นที่ว่าง 10 ตารางเมตร ต้องมีพื้นที่สีเขียว 5 ตารางเมตร
กฎกระทรวงที่ออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารบังคับเฉพาะเรื่องพื้นที่ว่างนอกอาคาร ไม่มีข้อกำหนดว่า ในพื้นที่ว่างต้องปลูกต้นไม้ ต้องเป็นพื้นที่สีเขียวเท่าไร แต่ร่างข้อบัญญัติพื้นที่สีเขียวของพรรคก้าวไกล บังคับให้เจ้าของอาคาร ต้องปลูกต้นไม้ 50% ในพื้นที่ว่างนอกอาคาร
การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพ เป็นเรื่องที่ดีใคร ๆ ก็ต้องการ ทุกวันนี้เจ้าของบ้านเจ้าของตึกมีพื้นที่ว่างตรงไหน ก็หาต้นไม้มาปลูกเพื่อความร่มรื่น สวยงาม และลดโลกร้อนเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยความสมัครใจ ด้วยจิตสำนึกที่ดี ไม่ต้องให้ใครมาบังคับ
แต่คงไม่ทันใจนักการเมืองพรรคก้าวไกลที่มีวาทกรรม ‘ล้ม เลิก ยึด ทวงคืน’ ทุกอย่างที่มีอยู่ในสังคมไทยจึงคิดจะออกกฎหมายมาบังคับให้ประชาชนต้องปลูกต้นไม้ในพื้นที่ว่างในบ้านของตัวเอง
ร่างข้อบัญญัติพื้นที่สีเขียวผ่านวาระแรก ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นมีผู้เห็นชอบ 31 คน เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสก.50 คน เพราะคำว่า ‘พื้นที่สีเขียว’ เป็นสิ่งดีงามที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
แต่ทำไมในวาระที่สอง เสียงที่เห็นชอบด้วยจึงเหลือแต่เสียงของ สก.พรรคก้าวไกล 12 คนเท่านั้น
เหตุก็เพราะก่อนหน้านี้ สก.ยานนาวา พรรคก้าวไกลคนเดียวกันนี้ เสนอข้อบัญญัติให้รถเมล์ทุกคันในกรุงเทพ ต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้าภายใน 7 ปี เพื่อลดมลภาวะ สภา กทม. ลงมติเห็นชอบทั้ง 3 วาระ
ทว่าเมื่อส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า กทม.ไม่มีอำนาจไปบังคับให้รถเมล์ทุกคันต้องใช้ไฟฟ้า ข้อบัญญัตินี้จึงตกไป
เรื่องนี้ทำให้สมาชิกสภากทม. ที่มิใช่พรรคก้าวไกลเฉลียวใจกลับไปดูร่างข้อบัญญัติพื้นที่สีเขียว ที่ผ่านวาระ 1 ไปแล้ว พบว่าขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารที่ไม่ได้กำหนดให้ต้องมีพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ว่างนอกอาคารเลย คือ กทม.ไม่มีอำนาจบังคับให้คนปลูกต้นไม้ในที่ว่างนอกอาคาร จะซ้ำรอยเดิมกับกรณีข้อบัญญัติรถเมล์ไฟฟ้าที่ต้องตกไป
การพิจารณาในวาระที่ 2 สก.ที่เคยเห็นชอบในวาระแรกจึงเปลี่ยนใจโหวตสวนมติเดิม มีแต่ สก.ก้าวไกล 12 คนที่ยืนกระต่ายขาเดียว โหวตเห็นชอบเหมือนเดิมทั้ง ๆ ที่รู้ว่า กทม.ไม่มีอำนาจ
นี่คือการเล่นการเมืองแบบพรรคก้าวไกล คือ ‘เสนอกฎหมายแบบสุดขั้ว’ ตามใจตัวเองไม่ทำการบ้าน ไม่สนใจว่าทำได้หรือไม่ ทำแล้วจะมีผลกระทบอย่างไรหวังแค่เอาไปทำ ‘คอนเทนต์’ หาเสียงเอาหน้ากับประชาชน รู้ว่าร่างข้อบัญญัติหรือร่างกฎหมายที่เสนอไปจะไม่ผ่าน เพราะเป็นกฎหมายที่สร้างปัญหามาก แต่ก็ยังเดินหน้าต่อเพราะถ้าไม่ผ่านก็เอาไปทำคอนเทนต์หาเสียงได้ว่า ได้ทำแล้ว แต่ถูกขัดขวางจากผู้เสียผลประโยชน์
เหมือนกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ที่บังคับให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างรายวัน เดือนละ 30 วัน ให้มีวันหยุดสัปดาห์ละ 2 วัน และต้องจ่ายค่าจ้างในวันหยุดนั้นด้วย ซึ่งถูกตีตกในสภาฯ เพราะเป็นกฎหมายที่จะทำให้ธุรกิจขนาดย่อมล้มละลาย แต่ถูก สส.พรรคก้าวไกล เอาไปแอบอ้างว่าได้ทำเพื่อผู้ใช้แรงงานแล้ว แต่ถูก สส. รัฐบาลขัดขวาง