‘ธรรมนัส’ จั่วลม ส่อวืดเก้าอี้รัฐมนตรี?!

27 มี.ค. 2568 - 02:44

  • ติดตามการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลหลังการอภิปราย

  • หลายขั้วการเมือง รอขยับปรับฐานกำลังใหม่

  • กลุ่มผู้กองธรรมนัส รอบนี้ต้องรอลุ้นกันเหนื่อย

politics-thailand-deepspace-constitutional-court-cabinet-decision-SPACEBAR-Hero.jpg

หลังผ่านศึกซักฟอกนายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ต้องมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นแน่ แต่ไม่ใช่ผลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เพราะหนนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เพียงคนเดียว ไม่ต้องมีคู่เทียบว่าใครได้คะแนนมากหรือน้อย แล้วถือโอกาสยืมดาบฝ่ายค้านเชือดนิ่มๆ เหมือนในอดีต

หรือจะเป็นเพราะมีใคร พรรคไหนในรัฐบาลแตกแถว ก็คงไม่ใช่อีกนั่นแหล่ะ 

เพราะตลอดสองวันของการซักฟอก บรรดารัฐมนตรีต่าง**‘กุลีกุจอ’**ลุกขึ้นตอบข้อกล่าวหาฝ่ายค้านในทุกเรื่อง แถมนั่งเป็นเพื่อนนายกฯ บนที่นั่งรัฐมนตรีอยู่ตลอด แทบจะไม่มีที่ว่าง ทั้งยังมาก่อนกลับทีหลังอีกต่างหาก

ดังนั้น การปรับ ครม.ที่จะมีขึ้นในช่วงหลังสงกรานต์เป็นต้นไป จะเป็นการปรับตามวงรอบสไตล์เพื่อไทย ที่มักจะมีขึ้นในทุกๆ 6 เดือน เพื่อหมุนเวียนเก้าอี้ดนตรี สลับให้คนอื่นเข้ามาเป็นรัฐมนตรีบ้าง ตามเหตุผลความจำเป็นที่แตกต่างกันไป

งานนี้จับสัญญาณจากคำพูดนายกฯ อิ๊งค์ ที่ตอบคำถามนักข่าวแบบยาวๆ หลังการลงมติไม่ไว้วางใจ พอจับความได้ 3 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ 

หนึ่ง ไม่ปลื้มกับการจัดหาเสียง ‘งูเห่า’ มาโหวตไว้วางใจให้ เพราะลำพังเสียงของรัฐบาลก็มีมากพออยู่แล้ว และไม่ต้องการให้มีภาพงูเห่าเกิดขึ้นด้วย

‘ไม่ต้องการ ไม่ต้องการให้มีภาพนั้น แต่ก็ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงอยู่ดี แต่ก่อนหน้านี้ที่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ก็คุยแค่เรื่องคะแนนโหวตของพรรคร่วม อย่างไรพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้ร่วมทำงานกันมา แค่คะแนนของพรรคร่วมก็พออยู่แล้ว’

ช่างบังเอิญมา ‘จั๊บเบ๊ะ’ ตรงกับข่าว สส.พรรคส้ม ออกมาปูดเรื่อง**‘ซื้องูเห่า’**เข้าพอดี แต่ว่ากระสุนด้าน!!

สอง ไม่มีการตกลง ต่อรองให้ผลตอบแทนใดๆ โดยเฉพาะการปรับครม.ที่ยืนยันเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ส่วนถ้าจะไปกันช่องทางไหน อย่างไร ก็ไม่เป็นผล

‘อ๋อค่ะ ไม่มี เพราะไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลย อันนี้ด้วยความสัตย์จริงที่สุดแล้ว ไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลย ไม่ทราบว่าต้องให้อะไร’

ในประเด็นเดียวกันนี้ แม้นักข่าวจะถามตรงๆ ว่า ถ้ามีบางคนไปวิ่งเข้าหา ทักษิณ ชินวัตร กดดันให้มีการปรับ ครม.จะทำให้ลำบากใจหรือไม่ คำตอบที่ได้คือ

‘คิดว่าทุกคนถ้าอยากได้อะไร ก็คงวิ่งทุกช่องทาง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ก็ขอให้ดูเองว่าวิ่งทางไหนแล้วเป็นผลแล้วกัน’

ประมาณว่า ถ้ารักจะเป็นนักวิ่ง ต้องวิ่งให้ถูกทางทำนองนั้น

สุดท้าย ย้ำอยู่หลายครั้ง ยังไม่มีแผนในการปรับ ครม.และยังไม่คิดจะปรับในตอนนี้ แต่จะปรับหรือไม่ขอคิดอีกทีหนึ่ง

‘ส่วนเหตุผลที่ยังไม่คิดปรับครม.ในตอนนี้ เพราะรู้สึกว่าการทำงานยังไหลลื่น เพราะอย่างน้อยทุกคนก็มีเวลาในการปรับตัว เริ่มทำงานให้มันคล่องมือเหมือนตัวเอง เพราะเป็น ครม.แรกที่เข้ามา ก็ทำงานพร้อมๆ กัน’

คำประกาศยังไม่คิดปรับ ครม.ของนายกฯ อิ๊งค์ ไม่ถึงกับทำลายความหวังของนักการเมืองที่แต่งตัวรอเป็นเสนาบดี โดยเฉพาะ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เพราะอีกไม่นานก็คงปรับตามวงรอบ 

เมื่อรอมาได้ตั้งนานแล้วทำไมจะรอต่ออีกไม่ได้

แต่ประเด็นที่ทำให้ ‘ผู้กองธรรมนัส’ รู้สึกหวั่นไหว วูบวาบตาม คือ อารมณ์ไม่ปลื้ม สส.งูเห่า ที่ผู้กองโชว์ตัวเลขไว้นานว่า พรรคกล้าธรรม มี สส.อยู่ 24 + 10 เสียง และส่งเสียงซ้ำๆ ถึงตัวเลขนี้มาตลอด ซึ่ง ‘นายใหญ่’ อาจจะพอใจ แต่ว่า ‘นายน้อย’ ไม่ปลื้ม

แถมพูดปิดทางเอาไว้ข้างต้นด้วย

ดูทรงแล้วเส้นทางกลับคืนสู่ทำเนียบฯ ของผู้กองธรรมนัส ทำท่าจะริบหรี่ พอๆ กับการหวลคืนรังพรรคเพื่อไทยเมื่อหลายปีก่อน ที่นอกจากถูกคนเสื้อแดงขวางแล้ว คนรุ่นใหม่ในยุคลูกเถ้าแก่ ก็ไม่เอาด้วย

ดังนั้น การส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความคุณสมบัติรัฐมนตรีเรื่อง**‘ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมาตรฐานจริยธรรม’** ของ ครม.เมื่อหลายเดือนก่อน วันนี้คงได้คำตอบแล้วว่า ใคร ฝ่ายไหนที่เป็นคนส่งเรื่องให้ครูอังคณา 

อย่างน้อยคำตอบที่ได้จากศาลรัฐธรรมนูญ ก็นำมาอธิบายกับผู้กองได้ในวันที่ชื่อหลุดโผ ครม.อิ๊งค์ 2 แต่ยังต้องรอวัดใจ ‘นายใหญ่’ ด้วยว่าจะเลือกขัดใจใครระหว่างลูกสาว กับผู้กอง

แบบนี้ผู้กองก็มีโอกาสจั่วลมสูง คงเหลือแต่คำว่าอดีตรัฐมนตรี ‘ลูกข้าวนึ่ง’ ทิ้งไว้เป็นตำนานความภูมิใจที่ยังมีลมหายใจ ไม่ว่าการปรับ ครม.จะเกิดขึ้นในเวลาไหน?

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์