ผุดทั้งเรือ ผุดทั้งตอ วิบาก “เรือล่องหน” โยงใยจนคดีแทบพลิก

19 มิ.ย. 2567 - 10:47

  • อิทธิฤทธิ์เรือล่องหนยังพ่นพิษ โผล่ทั้งเรือ โผล่ทั้งตอ

  • ไขปริศนาใครคือ “น.” ฝ่ายรับเคลียร์

spacebar สเปซบาร์, บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, วัชรินทร์ ภาณุรัตน์

อิทธิฤทธิ์เรือล่องหนยังพ่นพิษ โผล่ทั้งเรือ โผล่ทั้งตอ ไขปริศนาใครคือ “น.” ฝ่ายรับเคลียร์

เรือน้ำมันทั้ง 3 ลำที่โผล่มาให้จับกลางทะเล หลังหายไปนานกว่าสัปดาห์ ยังคงแสดงอิทธิฤทธิ์ต่อเนื่อง ทั้งน้ำมันที่ถูกดูดหายไปจากเรือ และสภาพเรือที่ดูเหมือนจะมีการดัดแปลง จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรือลำเดิมทั้ง 3 ลำหรือไม่ และสุดท้าย ใครคือเจ้าของเรือทั้งหมด

แต่ถ้าจะตามข้อมูลให้สนุก คดีนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2 คดี

คดีแรก เป็นคดีที่ตำรวจกองปราบและตำรวจน้ำ จับและตรวจยึดเรือน้ำมันทั้ง 5 ลำ ขณะลอยลำอยู่กลางทะเลใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันจัสมิน และนำเรือของกลางพร้อมน้ำมันทั้งหมดมาจอดเทียบท่าบริเวณท่าเทียบเรือน้ำสัตหีบ ก่อนจะหายไปเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567

spacebar สเปซบาร์, บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, วัชรินทร์ ภาณุรัตน์
Photo: ตำรวจน้ำเข้าจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันล่องหนที่คาดว่าเป็นของ “โจ้ ปัตตานี” เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567

คดีที่สอง เป็นคดีลักทรัพย์ของกลาง ที่มีการแอบนำเรือของกลางหายไปขณะจอดลอยลำกลางทะเลตรงข้ามสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ และมาถูกจับได้เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ขณะแล่นเรือกลับเข้ามาในน่านน้ำไทย

ทั้งสองคดี มีตัวละครเดียวกันตามการสรุปของ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ระบุว่า จากการสอบปากคำลูกเรือที่ถูกจับได้ มีข้อมูลว่า เรือทั้ง 3 ลำมีความเกี่ยวข้องกับ “โจ้ ปัตตานี” หรือ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” โดยมีนายเล็ก เป็นผู้จัดการในการประสานงานทั้งหมด

spacebar สเปซบาร์, บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, วัชรินทร์ ภาณุรัตน์
Photo: “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

คดีหลังน่าจะได้ข้อยุติที่การจับและตรวจยึดเรือทั้ง 3 ลำ พร้อมลูกเรือที่เหลือเพียง 8 คน เพราะไม่มีความซับซ้อน เนื่องจากเป็นคดีลักทรัพย์ของกลาง และยักยอกทรัพย์ของกลาง คือ ยักยอกน้ำมันเถื่อนไปจำหน่าย

แต่ประเด็นเบื้องหลังของคดีเรือหายทั้ง 3 ลำ ความซับซ้อนอยู่ที่คดีแรก เพราะถูกตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม “ตำรวจ ปอศ.” หรือ “ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ” ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ถึงส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอความเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่

และทำไมอัยการสูงสุดถึงมีความเห็นกลับมาว่า คดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร จนอัยการต้องเข้ามาเป็นพนักงานสอบสวนในคดี

ปริศนาของคดีที่หนึ่ง ถูกเฉลยจาก วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย” ว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่การจับเรือทั้ง 5 ลำในครั้งแรกว่า พิกัดที่จับอยู่บริเวณไหนกันแน่ และอยู่ในเขตน่านน้ำไทยหรือไม่

spacebar สเปซบาร์, บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, วัชรินทร์ ภาณุรัตน์
Photo: วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ทำไมพนักงานสอบสวน จึงตั้งข้อหาในคดีนี้ เป็นความผิดฐานพยายามนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ โดยไม่เสียภาษีอากร ซึ่งเป็นข้อหาที่ไม่เคยใช้มาก่อนในการจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนทุกคดี เพราะความผิดฐานพยายามนำเข้า เป็นความผิดที่มีน้ำหนักเบามาก และไม่ควรจะเกิดขึ้น

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดบอกว่า พิกัดในการจับหมิ่นเหม่ที่จะไม่อยู่ในเขตน่านน้ำไทย พนักงานสอบสวนถึงตั้งข้อหาเป็นความผิดฐานพยายาม และอัยการจำเป็นต้องเดินทางไปตรวจพิกัดจุดที่จับกุมในพื้นที่จริง เพื่อพิสูจน์ว่า เป็นพิกัดที่อยู่ในน่านน้ำไทยหรือไม่ และหากอยู่นอกน่านน้ำ ไทย ประเด็นทางคดีก็จะเปลี่ยนทันที

ข้อสังเกตของรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ตรงกับข้อมูลที่วงการค้าน้ำมันเถื่อนระบุว่า การจับกุม และการขโมยเรือของกลางครั้งนี้ เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง “บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ “เสี่ยโจ้”

การจับที่หมิ่นเหม่จะเป็นการจับนอกน่านน้ำ เป็นประเด็นแรกที่ต้องเคลียร์ว่า ข้อมูลจากการสืบสวนมาจากไหน มีรายละเอียดอย่างไร เพราะเป็นการสนธิกำลังระหว่างตำรวจกองปราบและตำรวจน้ำ ซึ่งหมายถึงต้องมีข้อมูลการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนที่ชัดเจน พอที่จะสนธิกำลังออกไปไล่ล่าจับกุม

คนในวงการค้าน้ำมันเถื่อนรู้ดีว่า “โจ้ ปัตตานี” ค้าน้ำมันเถื่อนเฉพาะกลางทะเล และใช้การลำเลียงผ่านน่านน้ำสากล เพื่อส่งตรงไปยังประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น “โจ้” จะไม่ค้าน้ำมันเถื่อนเข้ามาในเขตน่านน้ำไทย เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับ และเสี่ยงต่อการผิดใจกับผู้ใหญ่ในวงการ

การจับรอบนี้ ทำให้คนในวงการประหลาดใจตั้งแต่ต้น เพราะหากเป็นจริง ก็จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ “โจ้” นำน้ำมันเถื่อนเข้ามาในประเทศ

spacebar สเปซบาร์, บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, วัชรินทร์ ภาณุรัตน์
Photo: ตำรวจ ปอศ. เข้าพบอัยการเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567

หลังการจับกุม “โจ้” มีความพยายามส่งคนเข้ามาเจรจาผ่าน เจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่มีชื่อเล่นว่า “น.” ซึ่งทำหน้าที่ดูแลประสานงานหน่วยงานกลางทะเลทั้งหมด เพื่อขอเคลียร์ว่า ทำไมจึงมีการจับเรือทั้ง 3 ลำ และจะมีการตกลงเพื่อขอเรือคืนได้หรือไม่ แต่ “น.” ขอบายงานนี้ เพราะไม่สามารถรับเจรจาเคลียร์ให้ได้ ปฏิบัติการขโมยเรือจึงเกิดขึ้น 

แม้แต่การปล่อยเรือทั้ง 3 ลำกลับมาให้จับ ก็ถูกตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เป็นการเอาคืนจาก “โจ้” หรือไม่ เพราะเรือที่ถูกจับได้ เป็นเรือเกือบเปล่าที่มีการสูบน้ำมันออกไปขายจนหมด แถมเรือบางลำก็ยังเป็นปริศนาว่า ใช่เรือ 3 ลำเดิมหรือไม่ หรือมีการดัดแปลงเรือลำอื่นที่ใกล้หมดสภาพมาให้จับ เพราะบางลำมีลักษณะของการทาสีเรือใหม่ และเรือบางลำ เสียหายจนต้องลากจูงกลับมา ทั้งที่เรือเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพพร้อมใช้ เพราะเป็นเรือที่ใช้ในการทำรายได้

เรือ 3 ลำที่โผล่มารอบนี้ จึงโผล่มา “ทั้งเรือ” โผล่มา “ทั้งตอ” เข้าทำนอง น้ำยังไม่ทันลด แต่ตอผุดขึ้นมาก่อน

ปริศนาเรือหายรอบนี้ จึงไม่ใช่แค่เพียง “ใครขโมยเรือ” และเส้นทางการหลบหนีมีใครเกี่ยวข้อง แต่ต้องไขปริศนาไปถึง “ใครขัดแย้งกับใคร” และทำไมการจับเรือรอบนี้ จึงหมิ่นเหม่ต่อการจับนอกราชอาณาจักร

ประการสุดท้าย ใครคือ “น.” ที่เป็นคนกลาง คอยรับเคลียร์ทุกเรื่องที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์เทาๆกลางทะเล หลังหมดยุคผู้การสืบ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ ที่โด่งดังในอดีต

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์