ห้ำหั่นกันเลือดเดือดยิ่งกว่ามหาภารตะยุทธ์ในทุ่งคุรุเกษตร ศึกสงครามสีกากีที่วันนี้เปิดหน้าชกกันเต็มที่แบบไม่มีเหนียม
งานนี้เรียกว่าเป็น “ประวัติศาสตร์วงการตำรวจไทย” อีกครั้ง เมื่อมีกระแสข่าวมาจากสื่อหลายสำนักกระพือข่าวว่า รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่าง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จ่อถูกแจ้งข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157
มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านกันชัดๆ เคลียร์ๆ ทั้ง 2 ข้อหา เรียกว่า หากศาลพิจารณาว่า มีความผิดจริงก็เรียกว่า ตายกันไปข้างหนึ่ง
แต่ถึงจะต่อสู้คดีแล้วชนะคดี ก็ไม่ใช่วันหรือสองวันจบ เพราะคดีแบบนี้พิจารณากันยาว กว่าคดีจะถึงที่สุด
เอาแค่รวบรวมสำนวนสอบสวน กว่าพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งอัยการ กว่าอัยการจะสรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง
นอกจากนั้นคดีนี้ยังอยู่ที่ดุลพินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีกว่า ป.ป.ช.จะดำเนินคดีเอง หรือจะส่งกลับมายังพนักงานสอบสวน ขั้นตอนนี้ก็คงจะยังยื้อกันอีกพักใหญ่
แถมล่าสุด “รองเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หัวหน้าพนักงานสอบสวนที่วันนี้เดินหน้าเร่งคดีรวดเร็วราวกับกระต่าย สวนทางกับชื่อ “เต่า” ยังย้ำอีกว่า ถ้าป.ป.ช.ส่งสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเอง ก็จะตั้งข้อหาฟอกเงินซ้ำเข้าไปอีกคดี
แค่ 2-3 วันที่ผ่านมา คดีเจ้าหน้าที่ตำรวจพัวพันเว็บพนันมินนี่ ก็สร้างความร้อนแรงไปทั้งย่านปทุมวัน
ทั้ง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่ออกมาลั่นถูกกลั่นแกล้ง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีรายชื่อเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ในปลายปีนี้
ทั้งคลิปเสียงที่ละม้ายหนึ่งในพนักงานสอบสวนที่โทรไปกล่อม สิบตำรวจเอกณัฐวุฒิ หวัดแวว หนึ่งในตำรวจทีมบิ๊กโจ๊กที่ถูกตั้งข้อหา เพื่อให้ยอมให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แล้วจะกันไว้เป็นพยาน
ทั้งความเคลื่อนไหวของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนภาค 4 อีกหนึ่งผู้ต้องหาที่ยื่นจดหมายขอลาออกจากราชการต่อนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า เพื่อไปต่อสู้แบบประชาชนคนหนึ่ง ที่มีสิทธิเรียกร้องขอความเป็นธรรม ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปคุกคามใคร และทำเพื่อส่วนรวม รวมถึงองค์กรตำรวจจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบจากเรื่องนี้ โดยยืนยันได้จากจดหมายที่ยื่นไปตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดเรียกว่า แฟนๆ ขาซาดิสต์ ซู้ดปากกันเป็นแถว เพราะออกอาวุธใส่กันไม่ยั้ง
ผลสุดท้ายใครจะแพ้ ใครจะชนะ ยังต้องรอลุ้นกันอีกนาน
แต่ที่เห็นชัดๆ ไม่ต้องลุ้นกันนาน ก็ตำแหน่งผบ.ตร.ปลายปีนี้ น่าจะไม่มีชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง เข้าร่วมเป็นแคนดิเดตด้วย
แม้เจ้าตัวจะแอบมั่นใจ และพูดกับคนใกล้ชิดว่า เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ และตราบใดที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน ตัวเองก็ถือว่า ยังมีสิทธิ์ที่จะได้รับการเสนอชื่อ
แต่ลึกๆ คนในแวดวงสีกากีเขารู้กันดีว่า เปิดเกมใส่กันหนักขนาดนี้ โอกาสที่ปลายปีนี้ “บิ๊กโจ๊ก” จะได้เข้าชิงคงเป็นไปได้ยาก เรียกว่า แทบจะปิดประตูลั่นดาลไปแล้ว
ยกเว้น “บิ๊กโจ๊ก” ที่ใช้ชีวิตไปแล้ว 10 ชีวิต จะมีชีวิตที่ 11 สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ แต่ปาฏิหาริย์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ปฏิบัติการผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกลางกรุงย่านปทุมวันวันนี้ เป็นเกมลั่นดาล ปิดประตูตาย สกัดเส้นทาง “บิ๊กโจ๊ก” สู่ตำแหน่ง “พิทักษ์ 1” ไปแบบยาวๆ
เพราะเป็นปฏิบัติการที่ไม่ได้เคลียร์ทางเพียงแค่ปีนี้ แต่เคลียร์ยาวไปถึงปีหน้า เรียกว่า ปูพรมแดงรอรับว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ ของปี 2568 แบบไร้ขวากหนาม
ศึกสีกากีเปิดเกมกันดุเดือดขนาดนี้ ถึงว่าตำรวจไม่มีเวลาไปสืบคดีเล็กๆ ปล่อยให้นักข่าวทำหน้าที่แทน ทั้งสืบหากล้องวงจรปิด ทั้งตาม GPS ไปจนเจอศพน้องนุ่น
ไปเดินเล่นในห้างวันก่อน ได้ยินเต็มสองหู ชาวบ้านเขาเม้าท์กันให้แซ่ดว่า นักข่าวทำให้เบ็ดเสร็จขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะมีตำรวจไว้ทำไม
เฮ้อ... EP หน้ามาว่ากันว่า แคนดิเดตผบ.ตร.ที่เหลือจะมีใคร และเกมนี้เขาวางใคร รุ่นไหนเป็นฐานอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบยาวๆ
