แดนสนธยากลางทะเล ย้อนตำนาน “ผู้การสืบ” ยุคตำรวจน้ำเฟื่องฟู ใครอยู่เบื้องหลัง “ผู้กำกับ น.”

20 มิ.ย. 2567 - 08:13

  • ฉายแสงส่องปม “น้ำมันเถื่อน” สะเทือนไปทั้งวงการตำรวจน้ำ (ดี)

  • แชทหลุดเชื่อมเส้นเงินต่อจาก “โจ้ปัตตานี” ตัวละครโผล่ นายเล็ก - ผู้กำกับ น. ส่งต่อส่วยถึงใคร?

  • ทะเลไทยยังไม่สิ้นส่วยน้ำมัน จากยุค “ผู้การสืบ” ถูกล้าง เดินทางมาถึงยุคของใคร?

บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, นายเล็ก, ผู้กำกับ น., พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์, บุญสืบ ไพรเถื่อน

ยังเข้าเรื่องการเมือง เรื่องของการจัดทัพเพื่อไทยผนึกบ้านใหญ่ รับมือภัยคุกคามในพื้นที่จากก้าวไกลยังไม่ได้ เพราะเรื่องราวใน “แวดวงตำรวจ” ยังไม่จบ โดยเฉพาะเรื่องเรือบรรทุกน้ำมันที่ยังคงสร้างอิทธิฤทธิ์ ขยายแผลให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง…

แม้ตัวละครบางตัวจะถูกเปิดชื่อออกมา ทั้งจาก “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่เปิดชื่อตัวละครฝั่งเจ้าของเรือ ที่มีชื่อ “นายเล็ก” คนสนิทของ “โจ้ ปัตตานี” และการเปิดตัวละครฝั่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีชื่อ “ผู้กำกับ น.” ออกมาผ่านแชทไลน์

บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, นายเล็ก, ผู้กำกับ น., พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์, บุญสืบ ไพรเถื่อน

แต่เรื่องราวที่ชวนขยายผล กลับไม่ใช่เรื่องของตัวละครทั้ง 2 ชื่อ แต่เป็นประโยคเด็ด วาทะเด็ดของ “บิ๊กเต่า” ที่ระบุว่า

“พื้นที่ทางทะเล หรือท้องทะเล ถือเป็นแดนสนธยา ที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก และการตรวจสอบเข้าไปไม่ถึง จึงมีบุคคลที่เข้าไปรับผลประโยชน์จำนวนมาก”

“ผู้กำกับ น.” และ “นายเล็ก” เป็นตัวละครใหม่ในแดนสนธยายุคนี้ คนหนึ่งถูกระบุว่า ทำหน้าที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปราม ขณะที่อีกคนหนึ่งคอยเชื่อมต่อกับกลุ่มขบวนการผลประโยชน์ในทะเล และคอยเคลียร์เวลามีปัญหา รวมทั้งครั้งนี้ที่เป็นคนทำหน้าที่พูดคุยขอเจรจากับฝั่งเจ้าหน้าที่ และประสานงานจ้างทนายความให้กับลูกเรือที่ถูกจับทุกคน

“ผู้กำกับ น.” เป็นใคร?

อีกพักคงมีการเปิดตัว และทำหน้าที่อยู่ในหน่วยงานไหน เดี๋ยวคงมีการแถลงข่าว แต่เรื่องราวแดนสนธยาในความหมายของ “บิ๊กเต่า” เป็นเรื่องราวที่เคยโด่งดังมาในอดีต ในยุค พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ หรือ “บิ๊กกิ๊ก” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสอบสวนกลาง

พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์
Photo: พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์

บช.ก.ยุคนั้น เป็นยุค 3 ทหารเสือที่มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นผู้บัญชาการ พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน หรือ “ผู้การสืบ” เป็นผู้บังคับการตำรวจน้ำ

ตำรวจน้ำในยุคของ “ผู้การสืบ” เป็นยุคที่อำนาจการจับกุมทางทะเล และลำน้ำสำคัญอยู่ในมือตำรวจน้ำเกือบทั้งหมด

การแต่งตั้งผู้กำกับการตำรวจน้ำในสมัยนั้น ตำแหน่งสำคัญที่ต้องพิจารณาและจัดวางคนที่ไว้ใจได้ ลงไปนั่งเป็นตำแหน่งผู้กำกับตำรวจน้ำในพื้นที่ฝั่งอ่าวไทย ที่ประกอบด้วย

  • กองกำกับการ 5 ตำรวจน้ำศรีราชา
  • กองกำกับการ 6 ตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี
  • กองกำกับการ 7 ตำรวจน้ำสงขลา
  • กองกำกับการ 8 ตำรวจน้ำภูเก็ต
  • และกองกำกับการ 9 ตำรวจน้ำตรัง

ทั้ง 5 กองกำกับการ เป็น 5 มือขวา ของผู้บังคับการตำรวจน้ำในขณะนั้น…

“ฝั่งอ่าวไทย” ผลประโยชน์สำคัญสุดอยู่ที่ “ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน” ที่มีทั้งการค้ากลางทะเล การขนส่ง และขนถ่ายน้ำมันเถื่อนกลางทะเล การลักลอบนำเข้าน้ำเถื่อนขึ้นฝั่งไปลักลอบจำหน่ายในประเทศ  ผลประโยชน์ของขบวนการค้ามนุษย์ในเรือประมง การทำประมงผิดกฎหมาย และการค้ายาเสพติดในทะเล

“ฝั่งอันดามัน” ผลประโยชน์สำคัญอยู่ที่ขบวนการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะโรฮิงญา ขบวนการค้าอาวุธสงครามข้ามชาติ ขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีทั้งเหล้าและบุหรี่ที่มีมูลค่ามหาศาล รวมถึงขบวนการค้ายาเสพติด

ตำรวจน้ำ 5 กองกำกับการ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จึงเป็นพื้นที่สำคัญยิ่งยวด ทั้งด้านการปราบปราม และกลับกัน ยังสำคัญยิ่งสำหรับการประสานประโยชน์ให้กับผู้บังคับบัญชา

เรื่องราวของ “โจ้ ปัตตานี” เกิดขึ้นในยุคนี้ เมื่อ “เสี่ยโจ้” ในปีนั้นกล้าที่จะเข้าหานักการเมืองใหญ่ระดับประเทศ ขอสัมปทานที่จะขนส่งและค้าน้ำมันเถื่อนกลางทะเลแต่เพียงรายเดียว และสร้างรายได้จากการค้าน้ำมันเถื่อนในยุคนั้นจำนวนมหาศาล

“เสี่ยโจ้” เติบโตอย่างรวดเร็วในยุค “ผู้การสืบ” มูลค่าการค้าน้ำมันเถื่อนกลางทะเลสูงถึงขั้นที่สามารถจ่ายส่วยให้กับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งจ่ายส่วยให้กับขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดได้อย่างทั่วถึง

บุญสืบ ไพรเถื่อน
Photo: “ผู้การสืบ” - พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน

เมื่อครั้งที่ “บิ๊กกิ๊ก” ถูกตั้งข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้ง พล.ต.ต.โกวิท และ พล.ต.ต.บุญสืบ คำสารภาพของ “ผู้การสืบ” ที่ยอมรับว่าได้รับเงินจาก “เสี่ยโจ้” จนสามารถนำส่งให้กับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิท รวมกันนับร้อยล้านบาท เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงมูลค่าการค้าน้ำมันเถื่อนในยุคนั้น

เงินน้ำมันเถื่อนจำนวน 119 ล้านของ “เสี่ยโจ้” ที่เคยถูกปล้นกลางทะเลแถวเกาะโลซิน เป็นอีกหนึ่งหลักฐานการค้าน้ำมันเถื่อนที่เฟื่องฟูยิ่งในยุคของ “ผู้การสืบ”

ทั้งหมดยังไม่รวมถึงเงินจากการค้ามนุษย์  เงินจากการค้ายาเสพติด เงินจากการค้าอาวุธสงคราม และเงินจากการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีที่เฟื่องฟูในยุคนั้นเช่นกัน

หลังหมดยุค พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่ทั้งหมดถูกจับและถูกดำเนินคดีในข้อหาหนัก และแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจใน บช.ก.

นายตำรวจน้ำในยุคนั้น ตั้งแต่รองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ และสารวัตรในกองกำกับการสำคัญ ถูกย้ายล้างบางออกจากหน่วยทั้งหมด บางรายถูกเด้งไปไกลถึงภาคอีสาน ในตำแหน่งอำนวยการของตำรวจภูธร ทั้งที่จบหลักสูตรตำรวจน้ำที่ฝากเรียนกับโรงเรียนนายเรือมาโดยตรง จนถึงทุกวันนี้ “ตำรวจน้ำ” ในยุคนั้นหลายนาย ยังไม่สามารถกลับกองบังคับการตำรวจน้ำได้อีกเลย

นอกจากความเปลี่ยนแปลงใน บช.ก. ตำรวจน้ำก็เริ่มมีบทบาทลดลง เมื่อเกิดพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562 ที่มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 และมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ “ศรชล” ขึ้นมาเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ เพื่อรักษาสิทธิอธิปไตยเหนืออาณาเขตทางทะเลของไทย ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศรชล, ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นรองผู้อำนวยการ และเสนาธิการทหารเรือ เป็นเลขาธิการศรชลโดยตำแหน่ง

กองบังคับการตำรวจน้ำ เป็นเพียงหนี่งใน 7 หน่วยงานของ “ศรชล” ที่เป็นหน่วยงานปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุ หรือเมื่อได้รับแจ้งเหตุในเขตทะเลน่านน้ำ โดยกองทัพเรือเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการ และการสั่งการ

บิ๊กก้อง, จิรภพ ภูริเดช, ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง, CIB, น้ำมันเถื่อน, เรือขนน้ำมันเถื่อน, โจ้ น้ำมันเถื่อน, สหชัย เจียรเสริมสิน, บิ๊กเต่า, จรูญเกียรติ ปานแก้ว, นายเล็ก, ผู้กำกับ น., พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์, บุญสืบ ไพรเถื่อน
Photo: เรือน้ำมันของกลางทั้ง 3 ลำจะเข้าจอดเทียบท่าที่ท่าเรือตำรวจน้ำ จ.สงขลา

บทบาทของ “ตำรวจน้ำ” ที่เคยเฟื่องฟูในยุค “ผู้การสืบ” จึงเริ่มลดลง จนมาเกิดปฏิบัติการเรือน้ำมันหายอีกครั้ง และหายไปในความรับผิดชอบของตำรวจน้ำ สปอตไลท์จึงส่องกลับมายังหน่วยงานนี้อีกครั้ง

เมื่อแดนสนธยากลางทะเลถูกพูดถึงอีกครั้งจากปากของ “บิ๊กเต่า” สปอตไลท์จึงเริ่มสาดส่องไปรอบๆ ว่า แล้ววันนี้…ใครดูแลแดนสนธยาแห่งนี้?

ใครที่ “นายเล็ก” ต้องพูดคุยด้วยในนาม “เสี่ยโจ้”?

แล้ว “ผู้กำกับ น.” ที่วันนี้ทำแทนในนามใคร?

ครั้งหนึ่ง “ผู้การสืบ” คือคนๆ นั้นในฝั่งเจ้าหน้าที่ ครั้งหนึ่ง “โจ้ ปัตตานี” คือคนๆ นั้นในฝั่งขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน

“ผู้การสืบ” ทำงานให้ “บิ๊กกิ๊ก”

ส่วน “เสี่ยโจ้” ทำในนามตัวเอง

แล้ววันนี้ เมื่อ “นายเล็ก” ทำงานให้ “โจ้” แล้ว “ผู้กำกับ น.” …ทำงานให้ใคร???

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์