เนื่องจากทุกวันที่ 19 กันยายนของทุกปี คือ วันคเณศจตุรถี หรือ ‘วันเฉลิมฉลององค์พระคเณศอันยิ่งใหญ่’ เชื่อกันว่าในช่วงนี้ องค์พระพิฆเนศจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์เพื่อประทานพรให้แก่ผู้ศรัทธาพระองค์ ถือเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์เป็นพิเศษ Spacebar VIBE จึงอยากชวนทุกท่านมาร่วมสักการะบูชา พร้อมขอพรต่อพระองค์ตาม 3 สถานที่รอบกรุงเทพมหานครที่เรารวบรวมมาให้กัน แต่ก่อนจะไปดูว่ามีที่ไหนบ้างเราขอพาทุกคนมาทำความรู้จักพระพิฆเนศกันเสียก่อน
พระพิฆเนศ เทพแห่งสติปัญหาและความสำเร็จที่ได้รับการนับถือเป็นอันดับ 1 ตามคติพราหมณ์–ฮินดู และได้รับการบูชาจากผู้คนทั่วพื้นที่ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเข้ามาของศาสนาพราหมณ์ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 5-8 ทำให้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลความเชื่อและเริ่มสักการะนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอินเดียมานานกว่า 2,000 ปีที่แล้ว
พระพิฆเนศ เทพแห่งสติปัญหาและความสำเร็จที่ได้รับการนับถือเป็นอันดับ 1 ตามคติพราหมณ์–ฮินดู และได้รับการบูชาจากผู้คนทั่วพื้นที่ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเข้ามาของศาสนาพราหมณ์ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 5-8 ทำให้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลความเชื่อและเริ่มสักการะนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอินเดียมานานกว่า 2,000 ปีที่แล้ว

ตามหลักฐาน ผู้คนเชื่อว่าพระพิฆเนศเป็นบุตรของพระศิวะและพระแม่ปารวตี หรือที่เรารู้จักกันในนามพระแม่อุมาเทวี โดยพระองค์มีรูปลักษณ์และใบหน้าที่โดดเด่น ช่างเจรจา และเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา แต่วันหนึ่งขณะที่พระแม่อุมาเทวีกำลังสรงน้ำ พระองค์ได้ปั้นหนุ่มรูปงามขึ้นมาจากไคลขมิ้น แล้วสั่งให้เฝ้าประตูเอาไว้ พอพระศิวะที่กำลังเดินทางมาก็ถูกขัดขวาง พระองค์ทรงโกรธมากเนื่องจากคิดว่าเด็กคนนี้ไม่รู้กาละเทศะและทรงไม่รู้ว่านั่นคือบุตรของตน พระองค์จึงคิดต่อสู้แต่กลับถูกทำร้ายคืน ด้วยความโกรธที่ยิ่งทวีขึ้นพระศิวะจึงใช้ตรีศูรจัดการสังหารพระพิฆเนศจนเสียชีวิต (บางคัมภีร์กล่าวว่าพระศิวะไปขอให้พระวิษณุต่อกร)
พระแม่อุมาเทวีเมื่อได้ทราบเรื่องก็รู้สึกโกรธและเสียใจที่เสียลูกไป พระองค์จึงสั่งให้เทวีทั้งหลายไปทำลายล้างสรรพสิ่งทุกอย่างรวมถึงจักรวาล เมื่อทุกอย่างเริ่มโกลาหลจนเกินจะควบคุมได้ พระศิวะจึงพยายามแก้ไขปัญหาที่ตัวเองก่อด้วยการชุบชีวิตพระพิฆเนศขึ้นมาอีกครั้ง พระองค์ทรงสั่งให้พระนารายณ์ไปหาศรีษะของสิ่งมีชีวิตแรกที่พบเจอกลับมา หลังจากเดินทางเสาะหาไปเรื่อยๆ พระนารายร์ก็ได้ไปพบเข้ากับช้างที่ตายอยู่ พระองค์จึงตัดเศียรของช้างและนำมาต่อเข้ากับร่างของพระพิฆคเณศและทำการชุบชีวิต พร้อมประทานพรให้พมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม เป็นที่ยำเกรงของสรรพสิ่งทั้งปวง และมีบริวารข้างกายอย่าง หนูมุสิกะ ที่เป็นเหมือนตัวแทนความปรารถนาของมนุษย์อีกด้วย
พระแม่อุมาเทวีเมื่อได้ทราบเรื่องก็รู้สึกโกรธและเสียใจที่เสียลูกไป พระองค์จึงสั่งให้เทวีทั้งหลายไปทำลายล้างสรรพสิ่งทุกอย่างรวมถึงจักรวาล เมื่อทุกอย่างเริ่มโกลาหลจนเกินจะควบคุมได้ พระศิวะจึงพยายามแก้ไขปัญหาที่ตัวเองก่อด้วยการชุบชีวิตพระพิฆเนศขึ้นมาอีกครั้ง พระองค์ทรงสั่งให้พระนารายณ์ไปหาศรีษะของสิ่งมีชีวิตแรกที่พบเจอกลับมา หลังจากเดินทางเสาะหาไปเรื่อยๆ พระนารายร์ก็ได้ไปพบเข้ากับช้างที่ตายอยู่ พระองค์จึงตัดเศียรของช้างและนำมาต่อเข้ากับร่างของพระพิฆคเณศและทำการชุบชีวิต พร้อมประทานพรให้พมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม เป็นที่ยำเกรงของสรรพสิ่งทั้งปวง และมีบริวารข้างกายอย่าง หนูมุสิกะ ที่เป็นเหมือนตัวแทนความปรารถนาของมนุษย์อีกด้วย

แม้ผู้คนจะนิยมบูชาสักการะองค์พระพิฆเนศกันมาอย่างยาวนาน แต่น้อยคนนักจะรู้วิธีสักการะที่ถูกต้อง ตามความเชื่อโบราณควรเริ่มต้นสักการะพระพิฆเนศในวันอังคารและวันพฤหัสบดีเพื่อเป็นการถวายตัวเป็นศิษย์และแสดงความศรัทธาต่อพระพิฆเนศ หลังจากนั้นจึงสามารถบูชาได้ทุกวันตามปกติ โดยของที่ใช้ถวายควรมีอ้อย น้ำอ้อย นมวัว หรือขนมโมทกะของโปรดปรานของท่าน พร้อมมาลัยดอกไม้สีเหลืองหรือแดง จากนั้นจึงจุดกำยานและเครื่องหอมให้พร้อมแล้วจึงเริ่มท่องนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทสวดพระพิฆเนศ และขอพร
หลังจากทำความเข้าใจประวัติความเป็นมาและการบูชาที่ถูกต้องแล้วก็มาดูกันเลยว่าสถานที่ทั้ง 3 ที่เรารวบรวมมาให้มีที่ไหนกันบ้าง
หลังจากทำความเข้าใจประวัติความเป็นมาและการบูชาที่ถูกต้องแล้วก็มาดูกันเลยว่าสถานที่ทั้ง 3 ที่เรารวบรวมมาให้มีที่ไหนกันบ้าง

1. วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก)
เริ่มต้นกันด้วยวัดแรกที่เชื่อว่าหากนึกถึงวัดฮินดู ขื่อของ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขก คงปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ในความคิด โดยวัดแขกเป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนถนนสีลม ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2422 โดยชาวอินเดียจากรัฐทมิฬนาฑู พื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศอินเดียที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย ทำให้สถาปัตยกรรมของที่นี้จะมีรูปแบบของสมัยราชวงศ์โจฬะและราชวงศ์ปัลลวะ ด้านในโบสถ์ประดิษฐานเทวรูปสำคัญ ๓ องค์ที่ทำการอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ได้แก่ พระศรีมหาอุมาเทวี พระขันธกุมาร และพระพิฆเนศ เชื่อกันว่าหากมากราบไหว้จะทำให้พบแต่ความสำเร็จในชีวิต
ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/ZVXKg7v6tdAUdjhV6
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-วันพฤหัสบดี 06.00-20.00 น. | วันศุกร์ 06.00-21.00 น. |วันเสาร์-วันอาทิตย์ที่ 06.00-20.30 น.
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-วันพฤหัสบดี 06.00-20.00 น. | วันศุกร์ 06.00-21.00 น. |วันเสาร์-วันอาทิตย์ที่ 06.00-20.30 น.

2.ศาลพระพิฆเนศ
ถัดมาอีกหนึ่งสถานที่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันมาก บริเวณลานด้านหน้าส่วนห้างอิเซตันของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ องค์พระพิฆเนศเนื้อสีทองสง่างามตั้งประดิษฐานอยู่บริเวณใกล้กับพระตรีมูรติ เชื่อกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองถูกสร้างขึ้นเพื่อดูดซับพลังงานไม่ดี เนื่องจากบริเวรนั้นมักเกิดเหตุการณ์การสูยเสียครั้งใหญ่เป็นประจำ ผู้คนจึงนิยมเดินทางมาขอให้ท่านช่วยคุ้มครอง ปัดเป่าเรื่องร้าย รวมถึงขอความสำเร็จด้านหน้าที่การงานและความรัก
ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/1gpEj22DRYFbR5p16
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

3. เทวาลัยพระพิฆเนศ
สถานที่สุดท้ายกับ เทวาลัยพระพิฆเนศ บริเวณสี่แยกรัชดา-ห้วยขวาง ที่ผู้คนหลั่งไหลมากราบไหวกันไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน โดยเดิมทีบริเวณนี้มีการจัดตั้งศาลพระพิฆเนศขึ้นมาเนื่องจากเป็นแยกที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง คล้ายคลึงกับบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จึงมีการจัดตั้งศาลไว้เพื่อเตือนใจผู้คนให้ขับรถอย่างมีสติ แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากการจัดตั้งไม่นานก็เริ่มมีคนมากราบไหว้ขอพรและได้รับโชคลาภกันมากมายจนกลายเป็นที่นิยม
ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/EkAnVXJQSDy5Evap8
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 12.00-24.00 น.
ทั้งหมดนี้คือสถานที่สักการะข้อพรพระพิฆเนศรอบกรุงเทพทั้ง 3 ที่ที่เรารวบรวมมาให้กัน อย่างไรก็อย่าลืมออกไปขอพรเพื่อเสริมสิริมงคลในวันที่ 19 กันยายนที่จะถึงนี้กันนะคะ
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 12.00-24.00 น.
ทั้งหมดนี้คือสถานที่สักการะข้อพรพระพิฆเนศรอบกรุงเทพทั้ง 3 ที่ที่เรารวบรวมมาให้กัน อย่างไรก็อย่าลืมออกไปขอพรเพื่อเสริมสิริมงคลในวันที่ 19 กันยายนที่จะถึงนี้กันนะคะ