ชีวิตกับอิทธิพลแห่งสี และโหรศาสตร์ สีเสื้อมงคล ใช้ได้จริงหรืองมงาย?

ความเชื่อเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่คนไทย หลายคนเชื่อว่าตาซ้ายกระตุกแปลว่าโชคดี แต่แท้จริงแล้วเกิดจากการกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณระหว่างดวงตาและคิ้ว บางคนเชื่อว่าหากฝันร้ายจะกลายเป็นดี แต่จริงๆ เกิดจากจิตใจสำนึกที่นึกถึงสิ่งต่างๆ ก่อนจะนอน แต่ก็เป็นความเชื่อที่ไม่ได้มีผลดีหรือผลเสียกับผู้อื่น และความเชื่อก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล 

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีอีกหนึ่งความเชื่อที่ได้รับความนิยมนั่นคือ การใส่เสื้อตามสีมงคลจะช่วยให้ชีวิตราบรื่นมากขึ้น ในทุกๆ ปี เหล่าอาจารย์โหรศาสตร์ หมอดู นักทำนาย จะปล่อยตารางสีเสื้อมงคลออกมาให้กับผู้ที่มีความเชื่อได้หยิบไปใช้ แต่สงสัยหรือไม่ ว่าทำไมแต่ละตารางของแต่ละสำนักที่ปล่อยออกมาถึงไม่เหมือนกัน บางคนบอกว่าคนนี้แม่น คนนี้ไม่แม่น แต่แท้จริงแล้วมันมีศาสตร์ที่บ่งบอกถึงสีอยู่ 

 

ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก สีเชื่อมโยงเข้ากับคติความเชื่อ โชคลาภ ลางร้าย แล้วรู้หรือไม่ "สี" มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของคน และเป็นไปได้ว่าพลังของมันจะส่งผลไปถึงร่างกาย ซึ่งมีพื้นฐานแนวคิดมาจาก สีบำบัด (Chromotherapy) คือการใช้สีสันต่างๆ ที่มีคลื่นพลังงานและความถี่ต่างกัน เข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมอง 

 

มีงานวิจัยหลายเล่มในทางจิตวิทยาระบุว่า กลุ่มสีโทนร้อนจะช่วยกระตุ้นสมอง  ปลุกเร้า เสริมพลัง ในทางกายภาพทำให้มีแนวโน้มรู้สึกอยากอาหาร และกระหายน้ำ ส่วนกลุ่มสีโทนเย็นจะช่วยเรื่องการผ่อนคลายสมอง ทำให้รู้สึกสงบ เหมาะสำหรับเยียวยาผู้ที่ต้องใช้สมองหนักเป็นประจำ 

 

สีน้ำเงิน - ช่วยให้รู้สึกสงบนิ่ง ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้ดี เป็นมิตรกับการนอนหลับ 

สีเขียว - ช่วยให้จอประสาทตาผ่อนคลาย และช่วยให้รู้สึกสงบได้ดี เพราะเป็นสีที่ไม่ดูดแสง ไม่ต้องปรับสายตาอะไรมากในการมองสีเขียว 

สีเหลือง - บรรเทาความรู้สึกหดหู่ หมดกำลังใจได้ดี เพราะเป็นสีแห่งความสดใสสนุกสนาน และความขี้เล่น เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ยามเช้า 

สีแดงหรือสีส้ม - สร้างความตื่นตัว ในทางกายภาพอาจจะทำให้อยากอาหาร และกระหายน้ำ เพราะเป็นสีที่กระตุ้นระบบประสาทได้ดีที่สุด 
 

ในงานศึกษาหลายๆ เรื่องระบุว่า สีช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำได้มากขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่แปลกใจเลยที่เหล่านักเรียน นักศึกษาจะใช้สีในการช่วยจดจำตำราเรียนช่วงเวลาอ่านหนังสือสอบ 

 

แล้วรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว สีประจำวันไม่ได้ใช้เหมือนกันทั่วโลก ในช่วงสมัยเรียนชั้นอนุบาล คุณครูมักจะให้ท่องคำศัพท์ที่เป็นสีคู่กับวันในภาษาอังกฤษ เช่น Sunday วันอาทิตย์ สีแดง, Monday วันจันทร์ สีเหลือง... แต่จริงๆ แล้วการจับคู่สีกับวันต่างๆ เป็นวัฒนธรรมความเชื่อของไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากตำนานฮินดู และเป็นกฎเกณฑ์ของตำราโหราศาสตร์ที่ได้กำหนดสีประจำแต่ละวัน สีแต่ละสีได้กำหนดมาจากสีของเทพที่ปกป้องวันนั้นๆ หรือ เทวดานพเคราะห์ นั่นเอง 

 

วันอาทิตย์ สีแดง จากดาว ดวงอาทิตย์ มีเทวดานพเคราะห์คือ พระอาทิตย์ 

วันจันทร์ สีเหลือง จากดาว ดวงจันทร์ มีเทวดานพเคราะห์คือ พระจันทร์ 

วันอังคาร สีชมพู จากดาว ดาวอังคาร มีเทวดานพเคราะห์คือ พระอังคาร 

วันพุธ สีเขียว จากดาว ดาวพุธ มีเทวดานพเคราะห์คือ พระพุธ 

วันพฤหัสบดี สีส้ม จากดาว ดาวพฤหัสบดี มีเทวดานพเคราะห์คือ พระพฤหัสบดี 

วันศุกร์ สีฟ้า จากดาว ดาวศุกร์ มีเทวดานพเคราะห์คือ พระศุกร์ 

วันเสาร์ สีม่วง จากดาว ดาวเสาร์ มีเทวดานพเคราะห์คือ พระเสาร์ 

ส่วนความเชื่อเรื่องการสวมเสื้อสีมงคลเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ในตอนที่ สุนทรภู่ ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นกวีเอกแห่งประเทศไทย ได้นิพนธ์บทประพันธ์ไว้ว่า 
 

ถ้าหากถอดความออกมาจะแปลว่า วันอาทิตย์ให้ใส่เสื้อสีแดง จะได้เป็นสิริมงคลเสริมโชค ส่วนวันจันทร์ถ้าหากสวมเสื้อสีขาว หรือสีนวลครีม จะช่วยให้มีอายุยืน วันอังคารสวมเสื้อสีม่วง หรือสีครามจะเสริมพลังสร้างความน่าเกรงขามให้กับศัตรู วันพุธสวมเสื้อสีแสด สีส้มจะถูกโฉลกที่สุด วันพฤหัสบดีให้สวมสีเขียว สีเหลืองจะดี วันศุกร์หากต้องออกไปรบหรือเจรจากับคู่ค้าสวมเสื้อโทนสีขาว สีอ่อน จะช่วยได้ดี วันเสาร์สวมเสื้อสีดำจะรอดพ้นจากอุปสรรค และผู้ไม่หวังดี 
 

ความหมายของสีเสื้อในแต่ละสีก็มีความหมายที่แตกต่างกันตามหลักจิตวิทยาที่ในเล่มวิจัยจำนวนมากได้ระบุไว้  

 

สีแดง: ความโกรธ ความรัก แพชชั่น - การสวมชุดสีแดงจึงช่วยให้ผู้คนรู้สึกถึงอำนาจ และพลัง 

สีส้ม: ความกระตือรือร้น ความสุข พลังงาน - ในเชิงจิตทยาระบุว่า ถ้าอยากเป็นคนที่ดูเข้าสังคมเก่ง สวมสีส้มจะช่วยให้ดูเป็นคนเปิดเผย 

สีเหลือง: อิสระ การมองโลกในแง่ดี ความเอาใจใส่ - หากวันไหนรู้สึกไม่ดี การสวมเสื้อสีเหลืองก็จะช่วยเสริมพลังบวกได้ 

สีเขียว: ความริษยา ธรรมชาติ และความปลอดภัย - เหมาะสำหรับการเริ่มต้นใหม่ หรือพบปะผู้คนใหม่ๆ และสื่อถึงความมั่งคั่ง หรูหราอีกด้วย 

สีชมพู: ความโรแมนติก ความเมตตา ความสงบ - จะเสริมภาพลักษณ์ให้ดูนุ่มละมุน เต็มไปด้วยพลังแห่งความอ่อนโยน และเป็นมิตร 

สีดำ: ความลึกลับ ความกล้าหาญ อำนาจ - มักจะพบได้ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ต้องเอาจริงเอาจัง เพราะเป็นสีที่บ่งบอกถึงอำนาจ และการยอมรับจากคนจำนวนมาก 

สีฟ้า: ใจเย็น สงบ ความน่าเชื่อถือ ความฉลาด - การสวมเสื้อสีฟ้า จะเสริมในเรื่องของความสงบและใจเย็น รวมถึงจะเพิ่มความสามารถในการคิดวิเคราะห์  

สีม่วง: ความหรูหรา ความลึกลับ จิตวิญญาณ - เป็นสีที่สื่อถึงจิตวิญญาณ เสริมพลังแห่งความลึกลับ น่าค้นหา 

สีน้ำตาล: ความบริสุทธิ์ ความอบอุ่น ความซื่อสัตย์ – หากต้องการแสดงความซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ใจ การสวมเสื้อสีน้ำตาลจะช่วยเสริมพลังในส่วนนี้ได้ 

สีขาว: ความสะอาด ความเรียบง่าย ความบริสุทธิ์ - สีขาวเป็นสีที่เป็นที่นิยม เวลาที่สวมใส่เสื้อสีขาวจะให้ความรู้สึกสะอาดตา แต่ก็เลอะง่ายเช่นกัน และเป็นสีที่ซื่อถึงความบริสุทธิ์อีกด้วย 

สีเทา: ความเป็นมืออาชีพ ความเป็นทางการ - หากมองไปยังชุดสูททำงานของเหล่าผู้บริหาร มีจำนวนมากเลยทีเดียวที่เลือกจะใส่ชุดสีเทา เพื่อภาพลักษณ์ที่ดูเป็นมืออาชีพ 

 

จากทั้งหมดที่กล่าวมา ก็พอจะสรุปได้ว่าความเชื่อต่างๆ ก็ส่งผลในเชิงจิตวิทยา ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติซะทีเดียว การเลือกสีเสื้อผ้าให้ตรงกับสถานการณ์ที่กำลังจะเผชิญ และการนึกถึงเรื่องราวดีๆ ก็สามารถทำให้ตลอดวันเป็นวันดีๆ ได้เช่นกัน