ไม่ว่าเราจะเข้าใจกฎแห่งการสูญเสียแค่ไหน ความโศกเศร้าก็เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง บางครั้งสิ่งที่พรากคนรักไปอาจเป็นโรคร้าย กาลเวลา และบางครั้งก็เป็นโศกนาฏกรรมหรืออุบัติเหตุที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนคนโชคร้ายที่สุดบนโลกคนหนึ่ง
ในช่วงแรกของการสูญเสีย หลายคนอาจเผชิญกับการปฏิเสธความจริง รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความเศร้า ไม่สามารถนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีด้วยกัน รู้สึกว่าโลกไม่มีความหมาย สูญเสียตัวตนบางอย่าง ไปจนถึงการโทษตัวเองว่าหากทำอะไรสักอย่าง เหตุการณ์อาจไม่ลงเอยแบบนั้น
แต่ละคนอาจมีความรู้สึกดังกล่าวมากน้อยต่างกันไป แต่จุดสำคัญคือการดูแลใจให้ความโศกเศร้าไม่กลายเป็นโรคซึมเศร้า และไม่จมอยู่กับความรู้สึกผิดจนกระทบต่อการใช้ชีวิตระยะยาว
วันนี้เราจะมาแชร์ 7 วิธีรับมือกับการสูญเสียคนสำคัญ และเยียวยาตัวเองให้ยังอยู่ไหวบนโลกที่อะไรก็ไม่แน่นอน เหนือสิ่งอื่นใดเราขอแสดงความเสียใจกับทุกการสูญเสีย และขอให้ทุกคนที่ยังอยู่มีหัวใจที่แข็งแร็ง
ในช่วงแรกของการสูญเสีย หลายคนอาจเผชิญกับการปฏิเสธความจริง รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความเศร้า ไม่สามารถนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีด้วยกัน รู้สึกว่าโลกไม่มีความหมาย สูญเสียตัวตนบางอย่าง ไปจนถึงการโทษตัวเองว่าหากทำอะไรสักอย่าง เหตุการณ์อาจไม่ลงเอยแบบนั้น
แต่ละคนอาจมีความรู้สึกดังกล่าวมากน้อยต่างกันไป แต่จุดสำคัญคือการดูแลใจให้ความโศกเศร้าไม่กลายเป็นโรคซึมเศร้า และไม่จมอยู่กับความรู้สึกผิดจนกระทบต่อการใช้ชีวิตระยะยาว
วันนี้เราจะมาแชร์ 7 วิธีรับมือกับการสูญเสียคนสำคัญ และเยียวยาตัวเองให้ยังอยู่ไหวบนโลกที่อะไรก็ไม่แน่นอน เหนือสิ่งอื่นใดเราขอแสดงความเสียใจกับทุกการสูญเสีย และขอให้ทุกคนที่ยังอยู่มีหัวใจที่แข็งแร็ง
1. ไม่ต้องฝืนว่าเราไม่เป็นไร
ความโศกเศร้าไม่ใช่เรื่องผิด และหากรู้สึกเศร้าเราก็ควรอนุญาตให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้น ไม่ต้องฝืนตัวเองหรือให้คนอื่นมาบอกว่าเราควรรู้สึกอย่างไรต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น
2. ให้เวลาตัวเอง
อย่ากดดันหรือคาดหวังให้ตัวเองผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างรวดเร็ว เพราะการเยียวยาจากการสูญเสียคนรักไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องรับมือกับอารมณ์ ความเจ็บปวด และหาวิธีเยียวยาในแบบของตัวเอง ฉะนั้นระลึกไว้ว่าความโศกเศร้าเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ไม่ควรไปเปรียบเทียบกับใคร และมันไม่มีระยะเวลาที่แน่นอนว่าแต่ละคนควรเศร้าขนาดไหน หรือควรหยุดเศร้าเมื่อไร
3. ขอความช่วยเหลือ
อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนที่สามารถให้กำลังใจ ชี้แนะ หรือคอยอยู่ข้างๆ เราได้ อาจเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือจิตแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเริ่มรู้สึกว่าความโศกเศร้าเริ่มกลายเป็นภาวะซึมเศร้าที่รุนแรงขึ้น
4. พยายามใช้ชีวิตตามปกติ
ถึงแม้ว่าความเศร้าจะทำให้ชีวิตยากขึ้น แต่ลองพยายามใช้ชีวิตตามกิจวัตรเดิม และอย่าเพิ่งเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่ๆ ในชีวิต เช่น ลาออกจากงาน หรือเปลี่ยนสถานะในความสัมพันธ์ที่สำคัญกับเรา การยืนหยัดในช่วงแรกจะช่วยให้เรารู้สึกมั่นคง และไม่รู้สึกท่วมท้นจากวิกฤตหลายๆ อย่างพร้อมกัน
5. ดูแลร่างกายให้แข็งแร็ง
ร่างกายสัมพันธ์กับจิตใจเสมอ ดังนั้นเมื่อประสบปัญหาทางใจก็ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพทางกายด้วย เราควรดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย อาจพักจากความตึงเครียดด้วยการแช่น้ำอุ่น นอนพักระหว่างวัน หรือหาอะไรอร่อยๆ กินนอกจากนี้เราควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากหรือการใช้สารเสพติด สิ่งเหล่านี้อาจทำให้อารมณ์เศร้าหายไปชั่วคราว แต่อาจทำให้การเยียวยาช้าลง และเกิดปัญหาใหม่ตามมาได้
6. หาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
เราเศร้าได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเศร้าตลอดเวลา ระหว่างที่เรากำลังใช้เวลาเยียวยาตัวเอง ลองหากิจกรรมอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจบ้าง อาจออกไปดูหนังดีๆ สักเรื่อง กินอาหารเมนูโปรด อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือนวดผ่อนคลาย และหากรู้สึกพร้อมทำอะไรใหม่ๆ ลองลงมือสร้างสรรค์อะไรสักอย่าง เช่น วาดภาพ เขียนเจอร์นัล ฯลฯ
