“มาถึงยุโรปแล้ว ยังไม่ได้ถ่ายรูปส่งไป ที่เมืองไทยถ้ามีรูปถ่ายอะไร ก็ส่งมาได้” ข้อความในโปสการ์ดจากเยอรมนีของนักเรียนนายร้อย รัตน อาวุธ ส่งถึงภรรยา
ข้อความที่เคยอ่านเจอในหนังสือชื่อ 'โปสการ์ด ด้วยความคิดถึง' หนังสือรวบรวมโปสการ์ดของคนไทยที่ไปเรียนหนังสือที่เยอรมนี ช่วงเวลาของโปสการ์ดอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 6 เจ้าของโปสการ์ดในหนังสือมีหลายท่าน ทั้งเจ้านาย คนธรรมดา ส่วนใหญ่เป็นนายทหาร มียศมีบรรดาศักดิ์เกือบทุกท่าน
ข้อความที่เคยอ่านเจอในหนังสือชื่อ 'โปสการ์ด ด้วยความคิดถึง' หนังสือรวบรวมโปสการ์ดของคนไทยที่ไปเรียนหนังสือที่เยอรมนี ช่วงเวลาของโปสการ์ดอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 6 เจ้าของโปสการ์ดในหนังสือมีหลายท่าน ทั้งเจ้านาย คนธรรมดา ส่วนใหญ่เป็นนายทหาร มียศมีบรรดาศักดิ์เกือบทุกท่าน
ภาพโปสการ์ดจากเยอรมนีส่งกลับมาถึงบุคคลผู้เป็นที่รักเป็นภาพลายเส้น มีทั้งที่ลงสีและไม่ลงสี ภาพวาดแบบฝรั่งดูแปลกตาใช้ส่งต่อความรัก ความคิดถึง มาพร้อมกับข้อความสั้นๆ
เวลาผ่านมานานแล้ว แต่ข้อความยัง่เปี่ยมด้วยความรัก ความห่วงหาคนที่อยู่ไกล คนสมัยก่อนโรแมติกดีจัง
จากเวลาที่อ่านหนังสือ ผ่านไปนานหลายปี วันหนึ่งได้ไปชมบ้านเก่าอายุร้อยกว่าปี ที่แอบเร้นอยู่ในซอยหลังสถานีรถไฟฟ้าอิสรภาพ
เวลาผ่านมานานแล้ว แต่ข้อความยัง่เปี่ยมด้วยความรัก ความห่วงหาคนที่อยู่ไกล คนสมัยก่อนโรแมติกดีจัง
จากเวลาที่อ่านหนังสือ ผ่านไปนานหลายปี วันหนึ่งได้ไปชมบ้านเก่าอายุร้อยกว่าปี ที่แอบเร้นอยู่ในซอยหลังสถานีรถไฟฟ้าอิสรภาพ
บ้านไม้อย่างที่เขาเรียก ‘เรือนขนมปังขิง’ มีผู้รู้บอกว่ามีรูปแบบของบ้านมีกลิ่นอายศิลปะแบบวิคทอเรียน บ้านตกแต่งเรียบๆ เรือนไม้สำหรับครอบครัวใหญ่ หน้าต่างบานเกร็ดเล็กแบบฝรั่งเศส ปิดและเปิดด้วยไม้กระทุ้ง (บานกระทุ้ง) บ้านอยู่ในซอยเล็กๆ เข้าถึงด้วยการเดิน เป็นปกติของบ้านในฝั่งธนบุรี ถ้าบ้านไม่อยู่ติดคลองบ้านจะเข้าถึงได้ด้วยการเดินลัดเลาะไป
หน้าบ้านมีประตูไม้เก่า มีช่องประตูพอให้เดินผ่าน พอเดินผ่านประตูบ้านเข้าไป จะมองเห็นเรือนไม้หลังสวย แม้อายุจะเกินร้อยปี แต่เจ้าของบำรุงรักษาไว้อย่างดี ก้าวเข้าไปที่ตัวบ้านสัมผัสได้ถึงความสงบและอบอุ่น
หน้าบ้านมีประตูไม้เก่า มีช่องประตูพอให้เดินผ่าน พอเดินผ่านประตูบ้านเข้าไป จะมองเห็นเรือนไม้หลังสวย แม้อายุจะเกินร้อยปี แต่เจ้าของบำรุงรักษาไว้อย่างดี ก้าวเข้าไปที่ตัวบ้านสัมผัสได้ถึงความสงบและอบอุ่น
บ้านหลังนี้ คือบ้านของพระยาอินทรวิชิต (รัตน อาวุธ อินทรวิชิต) ท่านเจ้าคุณอินทรวิชิต เป็นนักเรียนทหารปืนใหญ่ไปเรียนวิชาทหารเยอรมนี กลับมาจึงได้รับราชการและได้รับพระราชทานบ้านหลังนี้ ท่านปลูกบ้านขึ้นระหว่างบ้านท่านที่ปากคลองวัดประยุรวงศาวาส กับบ้านคุณหญิงคู่ชีวิตของท่าน ที่บ้านเดิมอยู่ใกล้วัดราชสิทธาราม
เป็นเรื่องบังเอิญที่ข้อความที่อ่านเจอในร้านหนังสือ เป็นข้อความของเจ้าของบ้านหลังนี้ เขียนถึงผู้เป็นที่รัก ยามต้องจากไปไกลถึงเยอรมันนี ทำให้ต้องกลับมาหาหนังสืออ่าน
บ้านพระยาอินทรวิชิต แม้จะไม่มีคนอยู่บ้านแล้ว แต่ยังคงสภาพเดิมเหมือนเมื่อเจ้าของผู้สร้างบ้านมีชีวิต หน้าบ้านมีทางขึ้นถึงประตูทางเข้า หน้าประตูมีเก้าอี้นั่งสบายวางอยู่หนึ่งตัว เหมือนเป็นที่นั่งของใครสักคนที่มานั่งรอคนรักกลับบ้าน เก้าอี้หน้าบ้าน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และความรักของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี
เป็นเรื่องบังเอิญที่ข้อความที่อ่านเจอในร้านหนังสือ เป็นข้อความของเจ้าของบ้านหลังนี้ เขียนถึงผู้เป็นที่รัก ยามต้องจากไปไกลถึงเยอรมันนี ทำให้ต้องกลับมาหาหนังสืออ่าน
บ้านพระยาอินทรวิชิต แม้จะไม่มีคนอยู่บ้านแล้ว แต่ยังคงสภาพเดิมเหมือนเมื่อเจ้าของผู้สร้างบ้านมีชีวิต หน้าบ้านมีทางขึ้นถึงประตูทางเข้า หน้าประตูมีเก้าอี้นั่งสบายวางอยู่หนึ่งตัว เหมือนเป็นที่นั่งของใครสักคนที่มานั่งรอคนรักกลับบ้าน เก้าอี้หน้าบ้าน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และความรักของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี
ความอยากรู้ถูกเติมเต็ม เมื่อได้อ่านหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพพระยาอินทรวิชิต จึงทราบว่าหลังจากท่านเรียนจบกลับมาทำงาน ท่านต้องออกไปทำราชการที่ต่างจังหวัดและไปพำนักที่ญี่ปุ่น ยิ่งอ่านยิ่งทำให้รู้สึกนับถือความรักของคนในยุคนั้น ที่ระยะทางไม่ใช่ปัญหา แม้การสื่อสารและการเดินทางจะไม่สะดวกเท่าวันนี้ แต่ความมั่นคงในความรักนั้นไม่เคยแยกห่างกัน
ท่านเจ้าคุณอินทรวิชิตใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านนี้กับศรีภรรยาผู้รับโปสการ์ดท่านนั้น “คุณพ่อชอบปลูกต้นไม้ สะสมแสตมป์" ลูกหลานเขียนถึงท่านเจ้าคุณเมื่อเดินทางไกล
ท่านเจ้าคุณอินทรวิชิตใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านนี้กับศรีภรรยาผู้รับโปสการ์ดท่านนั้น “คุณพ่อชอบปลูกต้นไม้ สะสมแสตมป์" ลูกหลานเขียนถึงท่านเจ้าคุณเมื่อเดินทางไกล
คนยุคเราได้มาเยือนบ้านหลังนี้รู้สึกได้ถึงความรัก ความหวาน ความโรแมนติก เหมือนยังคงอยู่ไม่จากไปไหน แม้ในวันที่เจ้าของบ้านเดินทางไกลตลอดกาล เนื่องในเทศกาลของความรัก อารมณ์ที่เป็นสากล และละวางยากยิ่ง จึงถือโอกาสเล่าถึงบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง ที่เก่าแต่เพียงสภาพ ความรู้สึก และ Sense of Place ไม่เก่าไปเลย
แอบชมบ้านหลังนี้ได้ ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอิสรภาพ หากอยากเข้าไปสัมผัสบรรยากาศ ต้องขออนุญาตทายาทของท่าน หรือติดตามเพจชมเรือนโบราณละแวกนั้น