มีเสียงลือ เสียงเล่าอ้าง จากโลกโซเชียลจำนวนมาก ที่บอกว่า การบำบัดด้วยแสงสีแดงในเวลานอนจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว รักษาแผล ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงไม่ขาดร่วง จัดการความเจ็บปวด รวมถึงช่วยในเรื่องการนอนหลับอีกด้วย งานนี้เหล่านักวิจัยจึงได้ออกมาไขข้อสงสัยกันแล้ว
ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่าแสงสว่างเป็นสัญญาณให้ตื่น และตอบสนองต่อความมืดเป็นสัญญาณให้หลับ
ดร.ราช ทัสคุปต์ (Dr.Raj Dasgupta) รองศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์คลินิกแห่ง Keck School of Medicine แห่งมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า คนเรามีความไวต่อคลื่นแสงสีน้ำเงินมากที่สุด ซึ่งเป็นแสงที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ ทีวี และแล็ปท็อป รวมถึงแสงแดด และพบว่าแสงเหล่านี้ไปยับยั้งการปล่อยฮอร์โมนเมลาโทนินจากการนอนหลับ และด้วยความที่แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงเป็นสีที่อยู่ตรงข้ามกันของสเปกตรัม มีข้อสมมติฐานว่า แสงสีแดงอาจกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยเมลาโทนิน จึงมีการวิจัยเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้มากนัก
ในการศึกษาในปี 2555 นักวิจัยจากประเทศจีนได้ประเมินผลของการบำบัดด้วยแสงสีแดงต่อคุณภาพการนอนหลับและความทนทานของนักบาสเกตบอลหญิง 20 คน ผู้เล่นครึ่งหนึ่งได้รับการฉายรังสีทั่วร่างกายเป็นเวลา 30 นาทีจากเครื่องบำบัดด้วยแสงสีแดงที่คล้ายกับเตียงอาบแดด นักวิจัยพบว่าผู้เล่นกลุ่มนี้ การนอนหลับและระดับเมลาโทนินในซีรั่มมีการปรับปรุงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกซึ่งไม่ได้รับการบำบัดด้วยแสงสีแดง
แต่โดยรวมแล้ว ดร.ราช ทัสคุปต์ ได้บอกว่า แม้ว่าแสงสีแดงอาจจะไม่จำเป็นต้องช่วยส่งเสริมการนอนหลับ แต่ก็ก่อกวนน้อยกว่าแสงประเภทอื่นๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนอนในพื้นที่ที่ไม่มีแสง เพื่อช่วยให้เมลาโทนินทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากว่าจำเป็นจริงๆ ที่ต้องเปิดไฟ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามในขณะที่คุณนอนหลับ คุณก็อาจจะใช้ไฟที่เอื้อต่อการนอนหลับได้เช่นกัน เพราะเป็นที่ที่แสงสีแดงมีประโยชน์ที่สุด แต่ถ้าหากมีปัญหากับการนอนเรื้อรัง ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป
ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่าแสงสว่างเป็นสัญญาณให้ตื่น และตอบสนองต่อความมืดเป็นสัญญาณให้หลับ
ดร.ราช ทัสคุปต์ (Dr.Raj Dasgupta) รองศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์คลินิกแห่ง Keck School of Medicine แห่งมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า คนเรามีความไวต่อคลื่นแสงสีน้ำเงินมากที่สุด ซึ่งเป็นแสงที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ ทีวี และแล็ปท็อป รวมถึงแสงแดด และพบว่าแสงเหล่านี้ไปยับยั้งการปล่อยฮอร์โมนเมลาโทนินจากการนอนหลับ และด้วยความที่แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงเป็นสีที่อยู่ตรงข้ามกันของสเปกตรัม มีข้อสมมติฐานว่า แสงสีแดงอาจกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยเมลาโทนิน จึงมีการวิจัยเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้มากนัก
ในการศึกษาในปี 2555 นักวิจัยจากประเทศจีนได้ประเมินผลของการบำบัดด้วยแสงสีแดงต่อคุณภาพการนอนหลับและความทนทานของนักบาสเกตบอลหญิง 20 คน ผู้เล่นครึ่งหนึ่งได้รับการฉายรังสีทั่วร่างกายเป็นเวลา 30 นาทีจากเครื่องบำบัดด้วยแสงสีแดงที่คล้ายกับเตียงอาบแดด นักวิจัยพบว่าผู้เล่นกลุ่มนี้ การนอนหลับและระดับเมลาโทนินในซีรั่มมีการปรับปรุงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกซึ่งไม่ได้รับการบำบัดด้วยแสงสีแดง
แต่โดยรวมแล้ว ดร.ราช ทัสคุปต์ ได้บอกว่า แม้ว่าแสงสีแดงอาจจะไม่จำเป็นต้องช่วยส่งเสริมการนอนหลับ แต่ก็ก่อกวนน้อยกว่าแสงประเภทอื่นๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนอนในพื้นที่ที่ไม่มีแสง เพื่อช่วยให้เมลาโทนินทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากว่าจำเป็นจริงๆ ที่ต้องเปิดไฟ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามในขณะที่คุณนอนหลับ คุณก็อาจจะใช้ไฟที่เอื้อต่อการนอนหลับได้เช่นกัน เพราะเป็นที่ที่แสงสีแดงมีประโยชน์ที่สุด แต่ถ้าหากมีปัญหากับการนอนเรื้อรัง ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป
