ในตอนนี้ ปัญหาหลักของสังคม คงหนีไม่พ้นอนาคตของชาติ ที่มีทีท่าเลียนแบบสื่อต่างๆ ในโลกโซเชียล จนทำให้เด็กๆ วัยกระเตาะมีคำพูดคำจาที่โตเกินเด็ก และยังไม่รู้จักการใช้คำเหล่านั้นดีนัก เพียงเพราะได้ยินมาจากคลิปวิดีโอต่างๆ ในโลกโซเชียล และการทำท่าทางที่เลียนแบบออกมาจากคลิปด้วย
ผู้ใหญ่หลายคนเห็นเป็นเรื่องตลกและน่าเอ็นดู สำหรับเด็กเล็กที่มีท่าทีเลียนแบบคลิปวิดีโอดังต่างๆ แต่สุดท้ายความเห็นดีเห็นงามในตอนนั้น อาจจะทำให้เด็กๆ ที่เป็นดั่งผ้าขาวของเรา ถูกเปื้อนสีโดยไม่รู้ตัว และเมื่อถึงตอนนั้น คงยากเกินจะแก้ไขไปแล้ว และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังมากๆ เลยคือการเสพโซเชียลของเด็กๆ ที่เราก็ไม่รู้ว่า จิตใจเขาจะคิดอย่างไร สุดท้ายสุขภาพจิตของลูกน้อย อาจจะแย่ลงจนเราเองก็แทบจะตั้งรับไม่ทัน
แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ กับยุค 4.0 ที่เด็กๆ มีครูคนที่ 2 อยู่ในโลกโซเชียล นี่คือเคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพจิตที่ดี
ผู้ใหญ่หลายคนเห็นเป็นเรื่องตลกและน่าเอ็นดู สำหรับเด็กเล็กที่มีท่าทีเลียนแบบคลิปวิดีโอดังต่างๆ แต่สุดท้ายความเห็นดีเห็นงามในตอนนั้น อาจจะทำให้เด็กๆ ที่เป็นดั่งผ้าขาวของเรา ถูกเปื้อนสีโดยไม่รู้ตัว และเมื่อถึงตอนนั้น คงยากเกินจะแก้ไขไปแล้ว และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังมากๆ เลยคือการเสพโซเชียลของเด็กๆ ที่เราก็ไม่รู้ว่า จิตใจเขาจะคิดอย่างไร สุดท้ายสุขภาพจิตของลูกน้อย อาจจะแย่ลงจนเราเองก็แทบจะตั้งรับไม่ทัน
แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ กับยุค 4.0 ที่เด็กๆ มีครูคนที่ 2 อยู่ในโลกโซเชียล นี่คือเคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพจิตที่ดี
- ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬา และออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข หรือเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งทำให้มีความสุข ลดความวิตกกังวล ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียดกล่าวโดยรวมคือ การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี
- อาหารที่ดีส่งผลต่อ สุขภาพจิตลูก โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยเพิ่มระดับโดพามีน (Dopamine) เพราะอาหารกลุ่มนี้ทำให้รู้สึกพึงพอใจ เมื่อโดพามีนอยู่ในระดับต่ำ จะทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวล เครียด และสมาธิสั้น ส่วนเซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยเพิ่มความรู้สึก มีความสุข มองโลกในแง่ดี พบใน สตรอว์เบอร์รี ช็อกโกแลต อัลมอนด์ กล้วยหอม ไข่ แตงโม แซลมอน เมล็ดฟักทอง ผักใบเขียว
- เพราะดนตรีมีผลต่อ สุขภาพจิต ช่วยลดความเครียด ดนตรีทำให้ระดับคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดลดลง เพิ่มสมาธิในการเรียนรู้ การฟังดนตรีทำให้สมองหลังหลั่งสารโดพามีน เป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้เกิดความรู้สึกดี และทำให้มีสมาธิและเพิ่มความจำ ลดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล เมื่อฟังดนตรีสมองจะมีการไหลเวียนของสารออกซิโทซิน (Oxytocin) เพิ่มความรู้สึกผูกพันและไว้วางใจผู้อื่นและในการฝึกเล่นดนตรี ลูกน้อยจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่เป็นคนจริง ๆ ไม่หลงอยู่แต่ในโลกเสมือนและบุคคลเสมือน
- การเล่นอย่างอิสระ หรือฟรีเพลย์ คือ การที่เด็กได้ออกแบบการเล่นด้วยตนเอง อย่างอิสระ ไร้ขอบเขต โดยพ่อแม่เพียงช่วยดูแลให้ปลอดภัย เด็กสามารถกำหนดกติกาการเล่นได้เอง และเรียนรู้กระบวนการเล่นตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตนเอง พ่อแม่สามารถร่วมเล่นกับลูกได้ภายใต้กติกาที่ลูกได้กำหนด การเล่นอย่างอิสระ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และสุขภาพจิตที่ดี เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้จากการเล่น เพราะการเล่นทำให้เด็กเพลิดเพลิน และมีความสุข การเล่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กอย่างยิ่ง
- พ่อแม่ต้องให้ความรักและความอบอุ่น ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย โดยแสดงออกทางคำพูด และทางการกระทำ อย่างเช่น บอกรัก กอด หอม ลูกบ่อย ๆ เพราะการกอดลูกสร้างเส้นใยสมองทำให้เส้นประสาทเติบโตและแตกแขนงจำนวนมากทำให้ สุขภาพจิตดี สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการเป็นพ่อแม่ที่ดีสำหรับลูก ในยุค Gen Alpha นี้คือพ่อแม่ต้องลดเวลาที่จะอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียลง ใช้เวลาอยู่กับลูกมากขึ้น
- การสอนให้ลูกรู้จักใช้อินเทอร์เน็ตอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างยิ่ง การสอนลูกค้นข้อมูล อธิบายให้รู้ถึงพิษภัยที่แอบแฝง แนะนำเว็บไซต์การเรียนรู้ภาษา สวนสัตว์ หรือเว็บไซต์สำหรับเด็ก เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับลูกนั้นเอง
- ของเล่นที่ดีสำหรับลูก คือ พ่อแม่ นอกจากจะเป็นการสร้างความอบอุ่นที่ดีแล้วยังเป็นการสร้างพัฒนาการของลูกได้ดีกว่าการให้ลูกเล่นเกมออนไลน์ เพราะการให้ลูกเล่นเกมออนไลน์หรือคอมพิวเตอร์มากเกินไปจะทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะอยู่ในโลกส่วนตัวสูง ความสามารถในการสร้างปฏิสัมพันธ์ พูดคุย กับบุคคลอื่นลดน้อยลง แล้วยังมีผลต่อการพัฒนาทางด้านร่างกายของลูก เพราะลักษณะของเกมคอมพิวเตอร์หรือเกมออนไลน์ คือผู้เล่นอยู่เฉย ๆ ไม่มีการขยับหรือขยับแต่น้อย กล้ามเนื้อและกระดูกจึงมีการขยับเขยื้อนน้อย การพัฒนาจึงต่ำลง รวมทั้งสายตาเพ่งไปที่จุดใกล้ ๆ จุดเดียวเป็นเวลานานนับชั่วโมง ซึ่งจะทำให้การพัฒนาของตาเสียหายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กต่างลงความเห็นเหมือนกันว่า ไม่ควรให้เด็กใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ก่อนอายุ 2 ขวบ