เวลาล่วงเลยผ่านไป จนดึกดื่น ทั้งที่วันนี้เราก็เหนื่อยมากแล้ว แต่ทำไมเราถึงไม่ยอมนอนสักที ยังมีอะไรที่อยากทำอีกเยอะแยะเลย เรื่องนอนไว้ก่อนละกัน พอมองเวลาอีกที ตายละหว่า จะเช้าอยู่แล้ว ‘ขอโทษนะร่างกาย ฉันไม่ยอมให้นายได้พักผ่อนเลย’ และนี่คืออาการที่นักจิตวิทยาเรียกว่า ‘Revenge Bedtime Procrastination’ หรือ ‘นอนดึกเพื่อล้างแค้น’ ที่ไม่ใช่อาการของคนนอนไม่หลับ แต่คืออาการของคนไม่ยอมนอน!
“ที่ไม่ยอมปล่อยให้ร่างกายของตัวเองได้พักผ่อน ก็เพราะฉันยังไม่พอใจกับเวลาที่เสียไปในวันนี้นะสิ!”
‘แก้แค้นตัวเองในตอนกลางคืน’ เพื่อชดเชย ‘เวลาที่เสียไปในตอนกลางวัน’
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวันเวลาในสมัยนี้เป็นสิ่งที่มีจำนวนจำกัด และกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ก็มีทั้งเรื่องที่อยากทำและเรื่องที่ไม่อยากทำ จึงไม่แปลกเลยที่ช่วงเวลากลางคืนจะเป็นช่องว่างของเวลาที่ยังพอหลงเหลือให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมหนักๆ อาจเป็นเพียงการเล่นโทรศัพท์มือถือ ดูหนัง เล่นเกม เพื่อหาความพึงพอใจใ่ห้ตัวเอง ชดเชยให้กับเวลาที่เสียไปในแต่ละวัน พอรู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปจนดึกดื่นมากเสียแล้ว ซึ่งคนส่วนมากที่กำลังประสบปัญหานี้มี ‘ทัศนคติเชิงลบต่อเวลา’ และมองว่า ‘เวลาเป็นอนาคตที่ไม่ดี’ จึงนำมาสู่ความวิตกกังวล และความเครียดได้“ที่ไม่ยอมปล่อยให้ร่างกายของตัวเองได้พักผ่อน ก็เพราะฉันยังไม่พอใจกับเวลาที่เสียไปในวันนี้นะสิ!”
ผลเสียจาก ‘การไม่ยอมนอน’ แม้ร่างกายจะ ‘ต้องการนอน’
- คุณภาพการนอนแย่ลง ระยะเวลาการนอนสั้นลง และนอนหลับไม่สนิท
- ความเหนื่อยล้าประจำวันที่เพิ่มขึ้น ร่างกายมีแนวโน้มที่จะเหนื่อยง่าย และเหนื่อยกว่าปกติเวลาทำกิจกรรมต่างๆ
- ความสามารถในการตัดสินใจลดน้อยลง สามารถก่อให้เกิดอาการคิดช้า สมาธิสั้น ความจำไม่ดี
- ความสามารถในการควบคุมอารมณ์น้อยลง สามารถก่อให้เกิดอาการวิตกกังวล เครียด หงุดหงิดง่าย ฟุ้งซ่านกว่าปกติ
- ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว อาจก่อให้เกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน
วิธีการปรับพฤติกรรมตัวเองจากพฤติกรรม ‘การไม่ยอมหลับยอมนอน’
แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันไม่ได้ อาจจะค่อยๆ เริ่มปรับกันไปยังไม่ต้องถึงขั้นหักโหม แต่ถ้าหากทำสิ่งเหล่านี้ได้ จะส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจของคุณอย่างมากเลยนะ- ‘รักษาเวลาการเข้านอน และการตื่นนอนให้สม่ำเสมอ’ รวมถึงวันที่ไม่ได้ไปทำงาน
- ‘หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หรือคาเฟอีน’ ในช่วงบ่ายหรือเย็น
- ‘หยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน’ เป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
- ‘หาวิธีผ่อนคลายตัวเองก่อนนอน’ เช่น การอ่านหนังสือ การนั่งสมาธิ หรือยืดเส้นยืดสายเบาๆ
- ‘อาบน้ำอุ่นก่อนนอน’ เพื่อช่วยลดความเครียด และสร้างความสบายตัวให้กับร่างกาย
- ‘จัดการความคิดความรู้สึกโดยการเขียนไดอารี’ หรือประสบการณ์ที่ได้พบเจอในแต่ละวัน
- ‘จัดเวลาสำหรับการทำสิ่งที่อยากทำในแต่ละวัน’ และ ‘กำหนดขอบเขตของการทำงาน’
- ‘สร้างสภาพแวดล้อมในห้องนอนที่เหมาะสม’ เช่น การทำห้องให้มืดและสงบ มีเครื่องนอนที่นุ่มสบาย
- ‘หมั่นรับประทานอาหารประเภทถั่ว เมล็ดพืช’ ซึ่งเป็นแหล่งของกรดอะมิโนทริปโตเฟน ช่วยในการผลิตเมลาโทนิน
