ไม่ใช่แค่วัยทำงานเท่านั้นแล้วในตอนนี้ ที่จะเกิดภาวะเครียดสะสม แต่น้องๆ วัยเรียน ที่ตอนนี้การศึกษาประเทศไทยมีการสอบแบบถี่ยิบถี่ย่อย จนทำให้น้องๆ นักเรียนหลายคนมีสภาวะกดดัน กับการอ่านหนังสือเพื่อสอบ สอบ สอบ และสอบ ทำให้พลาดต่อการสังเกตสัญญาณที่ทางร่างกายส่งเสียงเตือน รวมทั้งเหล่าวัยทำงานที่ต้องแบกรับความกดดันจากทั้งงานและเพื่อนร่วมงานด้วย
ซึ่งผลกระทบสำหรับอาการเครียดสะสม ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา เพื่อตอบสนองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็วขึ้น กล้ามเนื้อเกร็งตัว และความดันโลหิตสูงขึ้น แต่หากมีความเครียดสะสม ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย และอาจนำไปสู่โรคหัวใจ เช่น หัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองได้
และจากผลการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างอายุ 35–70 ปีที่ไม่มีโรคหัวใจ พบว่าความเครียดรุนแรงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และการเสียชีวิต
เพื่อไม่ให้ช้าเกินกว่าจะแก้ไข นี่คือสัญญาณของความเครียดสะสม ที่กำลังจะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย และอาจนำไปสู่โรคหัวใจได้ โดยอาการหลักๆ นั้น ประกอบด้วย
หากมีอาการตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรจัดการกับความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสมก่อนจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเวลา จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ ปรับความคิดให้เป็นเชิงบวกมากขึ้น หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด และลองหางานอดิเรกเสริมเพื่อช่วยให้สมองได้มีการผ่อนคลาย รวมทั้งการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจ
ซึ่งผลกระทบสำหรับอาการเครียดสะสม ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา เพื่อตอบสนองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็วขึ้น กล้ามเนื้อเกร็งตัว และความดันโลหิตสูงขึ้น แต่หากมีความเครียดสะสม ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย และอาจนำไปสู่โรคหัวใจ เช่น หัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองได้
และจากผลการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างอายุ 35–70 ปีที่ไม่มีโรคหัวใจ พบว่าความเครียดรุนแรงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และการเสียชีวิต
เพื่อไม่ให้ช้าเกินกว่าจะแก้ไข นี่คือสัญญาณของความเครียดสะสม ที่กำลังจะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย และอาจนำไปสู่โรคหัวใจได้ โดยอาการหลักๆ นั้น ประกอบด้วย
- ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน
- กล้ามเนื้อตึง ปวดตามร่างกาย เช่น ไหล่ หลัง
- หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ ท้องผูก ท้องเสีย อ่อนเพลีย หมดแรง
- นอนไม่หลับ
- ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ
- ความต้องการทางเพศลดลง
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ส่งผลให้เจ็บป่วยบ่อย เช่น เป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่
- รู้สึกเหมือนไม่สามารถควบคุมสมาธิได้ ว้าวุ่นใจ ไม่มีสมาธิ หลงลืมและหงุดหงิดง่าย
- รู้สึกเศร้า หมดหวัง มองโลกในแง่ร้าย และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า
- กระวนกระวาย เดินไปมา และกัดเล็บ
- มีพฤติกรรมดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด และเล่นการพนัน
หากมีอาการตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรจัดการกับความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสมก่อนจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเวลา จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ ปรับความคิดให้เป็นเชิงบวกมากขึ้น หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด และลองหางานอดิเรกเสริมเพื่อช่วยให้สมองได้มีการผ่อนคลาย รวมทั้งการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจ