อร่อยจนต้องตะโกน!! เรื่องจริงไม่โม้ เพราะล่าสุด กก. ได้มีโอกาสไปลิ้มลองความอร่อยของเนื้อวากิว ที่ทางห้องอาหารได้เคลมว่า เนื้อวากิวของเขา เป็นเนื้อวากิวออสเตรเลียที่ได้รับรางวัล Grand Champion 2 ปีซ้อน จาก วากิว แบรนด์ บีฟ อะวอร์ด (Wagyu Brand Beef Awards) ในปี 2020 และ 2021
ความอร่อยนี้ เกิดขึ้นที่ ห้องอาหารพาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์ (Pagoda Chinese Restaurant) ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 4 ของโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) ในซอย สุขุมวิท 22 นั่นเอง
ความอร่อยนี้ เกิดขึ้นที่ ห้องอาหารพาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์ (Pagoda Chinese Restaurant) ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 4 ของโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) ในซอย สุขุมวิท 22 นั่นเอง
มาห้องอาหารจีนทั้งที ก็ต้องมีอาหารจีนขึ้นชื่อไหมจ๊ะ เมนูแรกที่จะนำเสนอเลยก็คือ เมนูอาหารจีนกวางตุ้งอย่าง ‘ขนมจีบเนื้อวากิวเห็ดทรัฟเฟิล’ (Steamed Black Truffle & Wagyu Beef Dumplings) ภายในไส้ขนมจีบเข่งนี้ อัดแน่นไปด้วยเนื้อวากิวแบบเต็มคำ แบบแน่นๆ แบบยัดทั้งลูกเข้าปากไม่ได้ แถมมีกลิ่นทรัฟเฟิลหอมๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันย์แห่งเห็ดจากประเทศอิตาลี และความพิเศษมันอยู่ตรงที่มีเชฟมาขูดเห็ดทรัฟเฟิลให้ดูถึงโต๊ะด้วย มันแบบว้าวมาก ยิ่งเชฟขูด กลิ่นเห็ดก็ลอยมาเตะจมูก ชวนน้ำไหลสอสุดๆ สำหรับเมนูนี้ 1 เข่งมีทั้งหมด 3 ชิ้นแบบจุกๆ ในราคา 880 บาท++ บอกเลยว่าต้องลองจริงๆ
เมนูต่อมา เมนูที่ 2 ที่อยากจะบอกเหล่ามีทเลิฟเวอร์ว่า “แกต้องกินให้ได้” เพราะเมนูนี้ อร่อยมาก อร่อยแบบตะโกนจริงๆ ด้วยความฉ่ำของเนื้อวากิวที่หมักด้วยซอสบาร์บีคิวสูตรพิเศษของทางห้องอาหาร ทำให้เนื้อวากิวที่ได้แตะลงที่ลิ้นของเราแบบเบาๆ ก็พร้อมจะละลายหายไปในช่องปากแล้วแก มันอร่อยมากจริงๆ จนน้ำตาไหล กับเมนูที่ชื่อว่า ‘เนื้อวากิวหมักซอสบาร์บีคิว’ (BBQ Beef marinated with BBQ sauce) เป็นเนื้อวากิวหมักซอสในสไตล์กวางตุ้ง กับราคา 1,390 บาท++
หนีจากอาหารสไตล์จีนกวางตุ้งมาสู่สไตล์เซี่งไฮ้กันบ้าง กับเมนู ‘เนื้อวากิวผัดซอสเอ็กซ์โอและหน่อไม้ฝรั่งในรังเส้นบะหมี่กรอบ’ (Wok-fried Wagyu Beef with Asparagus in X.O. Sauce in Noodle Nest) เป็นเมนูเส้นบะหมี่กรอบที่กรอบแบบตะโกน กรอบแบบเอาช้อนตัดลงไปที่รังเส้นบะหมี่แล้วมีเสียงและความกระเด็นของเส้นออกมาที่ขอบจาน ที่ตัวของเนื้อวากิวในจานนี้ ถูกตัดแต่งออกมาเป็นทรงลูกเต๋าเพื่อความง่ายในการกิน และคงสเต็ปเดิมของวากิววาใจอ่าเนอะ ที่นุ่มนวลราวกับกินเนื้อแห่งสวรรค์ รสชาติกลมกล่อมอร่อยได้ที่ ในราคา 2,590 บาท++
มีเมนูจากกวางตุ้งแล้ว เซี่ยงไฮ้แล้ว แล้วเราจะขาดเมนูในสไตล์เสฉวนได้อย่างไร กับ ‘บะหมี่ดันดันเนื้อวากิวตุ๋น’ (Homemade Dan Dan Noodles with Braised Wagyu Beef) ต้องบอกก่อนว่าอาหารสไตล์เสฉวน ถ้าไม่ทำเส้นเองก็เหมือนจะไม่ใช่ ใช่ไหมล่ะ ที่ห้องอาหารพาโกด้า ก็เลยจัดเมนูนี้มาให้ และเส้นของเมนูนี้ ก็เป็นเส้นทำเองแบบโฮมเมดสไตล์รับรองความเหนียวนุ่มได้อย่างดี ส่วนตัวของเนื้อวากิวในเมนูนี้ ก็เสิร์ฟในรูปแบบเนื้อวากิวหั่นเต๋าเล็กๆ ที่ตุ๋นแบบได้ที่ ทำให้เนื้อวากิวในเมนูนี้ นุ่มนวล กลมกล่อมสุดๆ มีความน้ำขลุกขลิกนิดหน่อย พอให้เส้นชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำที่ปรุงรสอย่างพิถีพิถีน เพิ่มความนัวด้วยถั่วลิสง อร่อยสุดๆ เมนูนี้มีราคาอยู่ที่ 730 บาท++
และปิดท้ายด้วยเมนูสุดท้ายที่ถ้าไม่ได้สั่งก็เหมือนกับมาที่ห้องอาหารจีนไม่ถึง กับเมนูสุดฮิตในตอนนี้ อย่าง ‘เนื้อวากิวกระทะร้อนและซุปหม่าล่าเสฉวนหม้อดิน’ (Sichuan-Style sizzling Wagyu Beef in Sichuan Broth) เมนูสุดฮิตจากเมืองเสฉวนในตอนนี้ ที่ถ้าไม่มีไม่ได้แน่ๆ กับควาเมผ็ดร้อนที่กลมกล่อมอร่อยพอทำให้ลิ้นชาได้เบาๆ สำหรับเมนูหม่าล่าของที่นี่ เป็นเมนูหม่าล่าที่เผ็ดแบบพออร่อย ไม่ถึงกับน้ำหูน้ำตาไหลแน่นอน และอันแน่นไปด้วยกลิ่นหอมๆ ของเครื่องเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพิ่มความหวานแบบเบาๆ ในน้ำซุปด้วยรากบัวชิ้นขนาดกำลังพอดี และเพิ่มความนัวด้วยเต้าหู้ขาว แก้เผ็ดร้อนได้ดี ทั้งหมดนี้ในราคา 2,460 บาท++
นอกจาก 5 เมนูเนื้อวากิวแล้ว ทางห้องอาหารยังได้เตรียม 3 เมนูไชนีสค็อกเทลโดยคุณอองเดร โพสพิคัล ผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องดื่ม ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ‘กุ้ยโจว คอลลินส์’ (Guizhou Collins) ที่ผสมผสานความกลมกล่อมระหว่างเหมาไถ เครื่องดื่มพรีเมี่ยมที่สานสัมพันธ์จิตวิญญาณแห่งชาวจีนเข้ากันกับลิ้นจี่ น้ำเชื่อมไทยโรส น้ำมะนาวและโซดา
เติมความสดชื่นด้วย ‘ซอลท์ทิทพลัมซาวเออร์’ (Salted Plum Sour) ที่นำจินชื่อดังอย่าง Salted Plum Peddlers Gin มาเข้าคู่กับน้ำมะนาว น้ำตาลเชื่อมและพาสเจอร์ไรซ์ไข่ขาวกันได้อย่างลงตัว
หรือเลือกจิบ ‘จินแอนด์โทนิคสไตล์เซี่ยงไฮ้’ (Shanghainese Gin & Tonic) ที่เรียบง่าย เอาใจคนรัก G&T ด้วย Peddlers Gin และ โทนิค วอเตอร์ เพิ่มความมีชีวิตชีวาไม่เหมือนใครในราคา 350 บาท++ ต่อแก้ว
ซึ่งเมนู 5 เนื้อวากิวฉ่ำๆ สุดพิเศษเหล่านี้เนรมิตความอร่อยจากเชฟ ออสการ์ ปัน (Oscar Pun) เชฟชาวฮ่องกงผู้มีประสบการณ์สร้างสรรค์อาหารจีนสุดเลอค่ามามากกว่าสองทศวรรษ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความอร่อยล้ำค่าของโรงแรมหรูจำนวนมาก และร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในอีกหลายประเทศ แถมทางห้องอาหารยังแอบเมาท์ด้วยว่า เชฟออสการ์ ปัน ของเรามีแฟนคลับที่บินตามมากินจากฮ่องกง และประเทศอื่นๆ ด้วย ปังมากเว่อร์ แต่ก็นะ ใครมาช้าก็มีโอกาสอดลิ้มรสความอร่อยแน่ๆ เพราะ 5 เมนูนี้ จะมีถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้เท่านั้น มันต้องลอง ต้องจองโต๊ะแล้วแก
ซึ่งเมนู 5 เนื้อวากิวฉ่ำๆ สุดพิเศษเหล่านี้เนรมิตความอร่อยจากเชฟ ออสการ์ ปัน (Oscar Pun) เชฟชาวฮ่องกงผู้มีประสบการณ์สร้างสรรค์อาหารจีนสุดเลอค่ามามากกว่าสองทศวรรษ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความอร่อยล้ำค่าของโรงแรมหรูจำนวนมาก และร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในอีกหลายประเทศ แถมทางห้องอาหารยังแอบเมาท์ด้วยว่า เชฟออสการ์ ปัน ของเรามีแฟนคลับที่บินตามมากินจากฮ่องกง และประเทศอื่นๆ ด้วย ปังมากเว่อร์ แต่ก็นะ ใครมาช้าก็มีโอกาสอดลิ้มรสความอร่อยแน่ๆ เพราะ 5 เมนูนี้ จะมีถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้เท่านั้น มันต้องลอง ต้องจองโต๊ะแล้วแก
ส่วนใครที่ไม่ใช่สายมีทเลิฟเวอร์ แต่ก็เป็นไชนีส เรสเตอร์รองท์ เลิฟเวอร์ ทางห้องอาหารเขาก็มีเมนูซิกเนเจอร์ของเขาด้วย ซึ่งบอกเลยว่า อร่อยไม่แพ้กันจ้ะ ซึ่งในวันนั้น กก. ได้สั่งเมนูติ่มซำเป็น ‘เสือโคร่งไส้กุ้ง’ (Steamed Prawn Dumplings: Wang Tiger) เป็นไอ้ต้าวติ่มซำรูปน้องเสืออ้วนๆ น่ารักน่ากินสุดๆ ในราคา 160 บาทต่อ 1 เข่ง นอกจากนี้ ยังมี ‘มันม่วงทอดไส้หมูและกุ้ง’ (Deep-Fried Purple Sweet Potato, Shrimp and Pork Filling) ที่ออกแบบมาในรูปหงส์สุดสง่างาม ในราคา 130 บาทต่อหงส์ 3 ตัว, ‘ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดง’ (Steamed Barbecued Pork Rise Roll) จานละ 180 บาท
และในส่วนของเมนูบาร์บีคิว กก. ได้สั่ง ‘หมูกรอบฮ่องกง ‘(Crispy Roasted Pork Belly) จานละ 550 บาท, ‘เป็ดปักกิ่งสไตล์ฮ่องกง’ (Barbecued Peking Duck – Hong Kong Style) ซึ่งสำหรับเมนูเป็ดปักกิ่ง ทางห้องอาหารจะเสิร์ฟแบบ 3 คอร์ส ก็คือ ‘เนื้อและหนังกรอบพร้อมกับแป้ง และเครื่องเคียง’ (Duck Meat with Crispy Skin, Chinese Pancakes and Condiments) คอร์สที่ 2 คือ ‘น่องเสิร์ฟพร้อมกับซอส’ (Duck Legs With Plum Sauce) และคอร์สสุดท้ายคือ ‘เนื้อเป็นผัดขิงต้นหอม’ (Stir-Fried Duck Meat, Ginger and Spring Onions) ซึ่งเมนูเป็ดปักกิ่งทั้ง 3 คอร์สนี้ มีราคาอยู่ที่ 1,900 บาทเท่านั้น
และเมื่อพูดถึงอาหารจีน เราจะพลาดอาหารทะเลไม่ได้เด็ดขาด วันนั้น กก. ก็เลยจัดไปเลยจ้า ‘ข้าวเหนียวเนื้อปู’ (Steamed Mud Crab Sticky Rice in Lotus Leaf) บอกเลยว่า เข่งเท่าบ้าน! แกมันเยอะมาก และเนื้อปูคือให้แบบจุกๆ จริงๆ อร่อยมาก สำหรับคนชอบกินข้าวแบบ กก. อ่านะ
ปิดท้ายด้วยของหวาน ที่บอกเลยว่าอร่อยเหาะของจริง ในวันนั้น กก. สั่ง ‘นมสดตุ๋นในลูกมะพร้าว’ (Traditional Steamed Milk Curd in Young Coconut) ในราคา 150 บาทต่อลูก, ‘พุดดิ้งมะม่วง’ (Chilled Mango Pudding) ที่หอมมาก ราดนมสดคือเดอะเบสต์!! ในราคา 230 บาท และ ‘พุทราจีนทอด’ (Fried Pancake Filled with Chinese Dates) ในราคา 220 บาท
เป็นอีกหนึ่งมื้อที่บอกเลยว่า ตอนเดินเข้าห้องอาหารแบบตัวปลิวมาก แต่ตอนเดินออกคือแอบลำบากนิดนึงเพราะอิ่มจนจุก คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายแน่นอน ยิ่งได้พาคนรักหรือครอบครัวที่เป็นแฟนคลับมีทเลิฟเวอร์ และไชนีส เรสเตอร์รองท์ เลิฟเวอร์ แล้วบอกเลยว่า มีความสุขกันถ้วนหน้าแน่นอน เป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่ต้องไปลอง เพราะที่นี่บอกเลยว่าไม่หวงวัตถุดิบ จัดเต็มแบบจุกๆ อิ่มคุ้มแน่นอนจ้า
เป็นอีกหนึ่งมื้อที่บอกเลยว่า ตอนเดินเข้าห้องอาหารแบบตัวปลิวมาก แต่ตอนเดินออกคือแอบลำบากนิดนึงเพราะอิ่มจนจุก คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายแน่นอน ยิ่งได้พาคนรักหรือครอบครัวที่เป็นแฟนคลับมีทเลิฟเวอร์ และไชนีส เรสเตอร์รองท์ เลิฟเวอร์ แล้วบอกเลยว่า มีความสุขกันถ้วนหน้าแน่นอน เป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่ต้องไปลอง เพราะที่นี่บอกเลยว่าไม่หวงวัตถุดิบ จัดเต็มแบบจุกๆ อิ่มคุ้มแน่นอนจ้า
